ไขข้อสงสัย! การเคลือบสีรถจําเป็นไหม ถ้าไม่เคลือบจะเกิดอะไรขึ้น?

คนรักรถหลายๆ คนคงไม่อยากให้รถของตัวเองได้รับความเสียหาย แต่บางทีก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะต้องขับออกไปข้างนอกอยู่ดี แต่ยังมีวิธีป้องกันได้อยู่ นั่นก็คือการ ‘เคลือบสีรถ’ มาดูว่าการเคลือบสีรถคืออะไร จําเป็นไหม ถ้าไม่เคลือบจะเกิดอะไรขึ้น หรือถ้าเคลือบแล้วจะมีประโยชน์อย่างไร บทความนี้มีคำตอบ!

การเคลือบสีรถ คืออะไร

การเคลือบสีรถ คือ กระบวนการที่ใช้แว็กซ์ หรือน้ำยาพิเศษ เพื่อปกป้อง และเพิ่มความสวยงามให้กับตัวรถ นอกจากจะช่วยเพิ่มความเงางาม และทำให้สีสันสดใสแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการปกป้องผิวรถจากสิ่งสกปรก ลบรอยขนาดเล็ก และป้องกันการเกาะตัวของน้ำ ที่อาจก่อให้เกิดคราบ การเคลือบสีรถจึงส่งผลให้รถดูใหม่อยู่เสมอ

การเคลือบสีรถจำเป็นไหม?

เจ้าของรถหลายๆ คนมักได้รับข้อเสนอจากศูนย์ Car Care ให้เคลือบสีรถหลังใช้บริการล้างรถ ซึ่งบริการนี้มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการล้างรถแบบปกติ แล้วการเคลือบสีรถจำเป็นไหม?

การเคลือบสีรถเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการเคลือบสีรถมีประโยชน์ในหลายด้าน ที่ช่วยสร้างความพอใจให้กับเจ้าของรถ ช่วยรักษาสภาพสี และรูปลักษณ์ภายนอกของรถ ให้ดูใหม่อยู่เสมอ

การเคลือบสีรถ คือวิธีการดูแลรักษารถที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักรถ จะเคลือบบ่อยแค่ไหน ก็สามารถทำได้ตามความสะดวกของเจ้าของรถเลย สามารถทำได้ทุกครั้งหลังล้างรถ แต่ถ้าอยากประหยัดค่าใช้จ่าย แนะนำให้เคลือบสีทุก 2 สัปดาห์ หรืออย่างน้อยเดือนละครั้ง แต่ไม่ควรทิ้งระยะห่างนานเกินไป เพื่อรักษาสภาพสีรถให้ดูใหม่ และสวยงามอยู่เสมอ

การเคลือบสีรถ มีประโยชน์อย่างไร

เราก็ได้คำตอบกันไปแล้วว่า การเคลือบสีรถนั้นจำเป็นไหม ต่อไปมาดูประโยชน์ต่างๆ ดังนี้

ทำให้รถดูใหม่ตลอดเวลา

การเคลือบสีรถ จัดเป็นบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับเจ้าของรถ เพราะช่วยฟื้นฟูความเงางามให้ตัวรถดูเหมือนรถที่เพิ่งออกมาใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการด้านจิตใจของคนรักรถ ที่ชื่นชอบการดูแลรักษารถให้สวยงามอยู่เสมอ 

ทำให้ดูแลรักษารถง่ายขึ้น

น้ำยาเคลือบสีรถ ช่วยดูแลสภาพสีรถในหลายด้าน โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับน้ำยาลบรอยขีดข่วน ทำให้เจ้าของรถสามารถจัดการกับรอยเล็กๆ เช่น รอยขนแมว หรือรอยขูดขีดเล็กๆ ได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนใหม่ และการกัดกร่อนของพื้นผิวตัวถัง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาวอีกด้วย

ปกป้องจากคราบสกปรก

การเคลือบสีรถ ช่วยสร้างชั้นปกป้องพื้นผิวรถจากมลภาวะต่างๆ บนท้องถนน ทั้งฝุ่นละออง ควันพิษ และคราบสกปรก ที่เกิดจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน ชั้นเคลือบจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกสัมผัสกับสีรถโดยตรง ทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น และช่วยรักษาสภาพสีรถให้สะอาดนานขึ้น

ป้องกันรอยคราบจากน้ำฝน

ปัญหาคราบน้ำ และผลกระทบจากน้ำฝนที่เป็นกรด เป็นความกังวลของเจ้าของรถหลายๆ คน โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีมลภาวะสูง การเคลือบสีรถจึงเป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เพราะช่วยสร้างชั้นป้องกันระหว่างพื้นผิวสีรถกับน้ำ และน้ำฝน ทำให้น้ำไม่เกาะตัวจนเกิดคราบ และยังช่วยปกป้องสีรถจากการกัดกร่อนของน้ำฝนที่มีความเป็นกรด ซึ่งอาจทำให้สีรถเสื่อมสภาพ หรือเสียหายในระยะยาวได้

ช่วยให้รถสีไม่ซีดจากแสงแดด

การเคลือบสีรถ ช่วยปกป้องรถจากรังสียูวีที่มากับแสงแดด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สีรถเสื่อมสภาพ ซีด และหมองก่อนเวลาอันควร ชั้นเคลือบจะทำหน้าที่เสมือนเป็นครีมกันแดดให้กับตัวรถ ช่วยกรองรังสียูวีไม่ให้ทำลายชั้นสีโดยตรง ส่งผลให้สีรถยังคงความสดเหมือนใหม่ และช่วยยืดอายุการใช้งานของสีรถได้นานกว่าปกติ

ช่วยยืดอายุสีของตัวถังรถ

การเคลือบสีรถ คือ วิธียืดอายุการใช้งานของสีตัวถังรถให้ยาวนานขึ้น โดยชั้นเคลือบจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจากปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น รังสียูวี ฝุ่นละออง คราบสกปรก ไอน้ำ และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ที่เป็นสาเหตุหลักทำให้สีรถเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ 

การเคลือบสีรถ มีกี่รูปแบบ

การเคลือบสีรถนั้นต่างจากการ Wrap สีรถ เพราะการ Wrap เป็นการใช้สติกเกอร์สีเพื่อตกแต่งรถยนต์ สำหรับรูปแบบการเคลือบสีรถ ก็มีหลายรูปแบบให้เลือกตามที่ต้องการ ซึ่งแต่ละแบบก็มีทั้งข้อดี และข้อเสียที่ต่างกัน ดังนี้

1. แบบเคลือบเซรามิก

การเคลือบสีรถแบบเคลือบเซรามิก คือ นวัตกรรมการเคลือบรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดในปัจจุบัน เพราะมอบประสิทธิภาพสูงในการปกป้องผิวรถจากคราบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ น้ำฝน โคลน ยางมะตอย และสิ่งสกปรกอื่นๆ ไม่ให้ฝังแน่นบนตัวรถ 

นอกจากนี้ ยังมีความคงทนสูง โดยสามารถใช้งานได้นาน 3-5 ปี และช่วยลดปัญหาฝุ่น รอยขีดข่วน รวมถึงการซีดจางของสีจากแสงแดด ส่งผลให้รถยนต์ดูเงางามเหมือนรถใหม่ตลอดเวลา แม้ว่าการเคลือบเซรามิกจะมีราคาสูงกว่าการเคลือบประเภทอื่นๆ และมักนิยมใช้กับรถซูเปอร์คาร์ หรือรถหรู แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือเรื่องค่าใช้จ่ายเท่านั้น

2. แบบซิลิโคน

การเคลือบสีรถด้วยซิลิโคน คือ การใช้สารซิลิโคน ซึ่งมีลักษณะคล้ายยางใส เคลือบทั่วตัวถังรถ เพื่อปกป้องสีรถ และป้องกันรอยขีดข่วน โดยมีจุดเด่นคือสามารถป้องกันสีซีดจางได้ดี และช่วยลดรอยขีดข่วนขนาดเล็ก อีกทั้งมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าการเคลือบแบบน้ำ ให้ความเงางามใกล้เคียงกับการลงแว็กซ์ และยังช่วยป้องกันฝุ่น น้ำ และรังสียูวีจากแสงแดดได้อีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม การเคลือบซิลิโคนยังมีข้อจำกัดในเรื่องประสิทธิภาพการป้องกันรอยขีดข่วนที่ไม่สูงมากนัก รวมถึงมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

3. แบบแว็กซ์ธรรมดา

การเคลือบสีรถ แบบเคลือบเงารถด้วยแว็กซ์ คือวิธีที่คุ้นเคย และได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยการใช้ครีมขัดสีที่มีคุณสมบัติเคลือบผิวรถไปในตัว เป็นทางเลือกที่มีราคาประหยัดที่สุดในบรรดาบริการของร้านคาร์แคร์ และเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะสามารถทำได้ง่าย โดยมีค่าอุปกรณ์เริ่มต้นเพียง 300 – 1,500 บาท เท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของการเคลือบแว็กซ์คือมีอายุการใช้งานสั้น โดยเฉลี่ยประมาณ 7-14 วันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์แว็กซ์ที่เลือกใช้

4. แบบแว็กซ์น้ำ

การเคลือบสีรถประเภทน้ำ หรือโพลิเมอร์ซีลแลนท์ คือการเคลือบที่สร้างฟิล์มบางๆ ปกคลุมทั่วตัวถังรถ โดยเน้นการปกป้องสีรถเป็นหลักมากกว่าการเพิ่มความเงางาม จึงเหมาะสำหรับรถที่ใช้งานเป็นประจำ และต้องการรักษาสภาพสีให้ดูใหม่อยู่เสมอ จุดเด่นของการเคลือบประเภทนี้ คือความทนทานต่อความร้อนสูงถึง 140 องศา ทำให้ปกป้องสีรถได้ดีกว่า และยาวนานกว่าการเคลือบแว็กซ์ โดยมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 4-8 สัปดาห์

การเคลือบสีรถเอง ทำได้อย่างไร

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านอุปกรณ์ดูแลรถ ทำให้เจ้าของรถสามารถเคลือบสีรถได้เองที่บ้าน หากรถไม่มีรอยลึก หรือคราบฝังแน่น สามารถเคลือบได้ต่อเนื่องตามอายุของน้ำยาเคลือบโดยไม่จำเป็นต้องขัดสี เพื่อให้รถได้รับการปกป้องที่ดีขึ้น 

อย่างไรก็ตาม เจ้าของรถควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ และน้ำยาเคลือบสีรถประเภทต่างๆ ให้ดี เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด และป้องกันความเสียหาย ที่อาจเกิดจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง โดยวิธีการเคลือบสีรถมีดังนี้

1. ฉีดล้างทำความสะอาดรถ เพื่อกำจัดฝุ่น และคราบสกปรก ก่อนใช้น้ำยาเคลือบสี โดยระวังไม่ใช้แรงดันน้ำสูงเกินไป หรือขัดถูแรงๆ เพราะอาจทำให้ผิวรถเสียหาย
2. ใช้แชมพูสำหรับล้างรถโดยเฉพาะ พร้อมฟองน้ำคุณภาพดี หลีกเลี่ยงการใช้ฟองน้ำทั่วไปที่มีเนื้อหยาบซึ่งอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้
3. ใช้ผ้าชามัวร์เช็ดคราบน้ำออกให้หมด เพื่อให้สามารถเห็นสภาพพื้นผิวรถได้ชัดเจน
4. ลงน้ำยาเคลือบสีด้วยฟองน้ำสำหรับเคลือบสีโดยเฉพาะ ทำทีละส่วนจนทั่วทั้งคัน ยกเว้นบริเวณที่ไม่เหมาะกับน้ำยาที่ใช้
5. ทิ้งไว้ 10 – 15 นาที หรือตามที่ฉลากผลิตภัณฑ์ระบุ จากนั้นใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดออกให้เรียบร้อย

เคลือบสีรถ กับ SPMS-EST ดีกว่าอย่างไร

เลือกเคลือบสีรถกับร้านที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก 3M ด้วยนวัตกรรม 3M Ceramic Coating เทคโนโลยีการเคลือบสีด้วย Siloxane ที่ออกแบบมาให้สามารถป้องกันพื้นผิวรถได้เป็นอย่างดี

ด้วยคุณสมบัติช่วยเพิ่มเม็ดน้ำกลมขึ้นมากกว่า 100 องศา ช่วยไล่น้ำบนพื้นผิวรถได้ดี เพิ่มความเงางาม ติดทนนานขึ้น ทำความสะอาดได้ง่าย หมดปัญหาเรื่องรอยขนแมวจากการล้างรถ ทั้งยังช่วยปกป้องมลภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝนกรด คราบน้ำ หรือคราบแมลง

ขอแนะนำให้เลือกเคลือบสีรถจากร้านตัวแทนสาขาใกล้บ้าน เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันนี้ ร้านตัวแทนจำหน่ายของ 3M นั้นมีมากมายครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย ทั้งในกรุงเทพ และปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดด้วย โดยสามารถตรวจสอบ 3M เคลือบสีรถ สาขาใกล้บ้านได้จากเว็บไซต์หลักของ SPMS-EST.com เลย!

สรุป

การเคลือบสีรถ คือ กระบวนการที่ใช้แว็กซ์ หรือน้ำยาพิเศษ เพื่อปกป้อง และเพิ่มความสวยงามให้กับตัวรถ แล้วการเคลือบสีรถจำเป็นไหม? คำตอบคือ ‘จำเป็น’ แต่การเคลือบสีรถช่วยเพิ่มความเงางาม ทำให้สีสันสดใส และมีคุณสมบัติในการปกป้องผิวรถจากสิ่งสกปรก ลบรอยขนาดเล็ก ป้องกันการเกาะของคราบน้ำ รวมถึงช่วยยืดอายุสีของตัวถัง และป้องกันสีซีดจากแสงแดด 

เลือกเคลือบสีรถกับร้านที่ได้การรับรองมาตรฐานจาก 3M เคลือบสีรถด้วยนวัตกรรม 3M Ceramic Coating เทคโนโลยีการเคลือบสีด้วย Siloxane ที่ออกแบบมาให้สามารถป้องกันพื้นผิวรถได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ หากสนใจสามารถเลือกเคลือบสีรถจากร้านตัวแทนสาขาใกล้บ้าน เพื่อความสะดวกรวดเร็วได้เลย