ฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ประเภท เลือกติดฟิล์มอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

ฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ประเภท เลือกติดฟิล์มอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน
คนรักรถควรรู้
  • ฟิล์มติดรถยนต์แต่ละประเภทต่างกันที่วัสดุ คุณสมบัติในการกรองแสง กันรังสี UV กันรังสีความร้อน ซึ่งเหมาะกับการใช้งานรถที่ต่างกัน อย่างฟิล์มที่ให้ความส่วนตัวจะเป็นฟิล์มเซรามิค ฟิล์มคาร์บอน หากอยากใช้ฟิล์มที่ช่วยกันความร้อนควรใช้เป็นฟิล์มชนิดนาโน ฟิล์มเซรามิค
  • วิธีเลือกฟิล์มติดรถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งาน ควรเลือกจากการกันความร้อน ความเข้ม เฉดสี และความเงาของฟิล์ม

การติดฟิล์มรถยนต์สำคัญมาก โดยเฉพาะหากคุณขับขี่อยู่ในเมืองร้อนอย่างประเทศไทยแห่งนี้ แต่ฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ประเภท? เพื่อให้ตอบโจทย์สำหรับการใช้งานมากที่สุด จึงต้องรู้ก่อนว่า แต่ละประเภทมีคุณสมบัติ และจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้สามารถเลือกติดฟิล์มรถยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน และประเภทของรถมากที่สุด 

ฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ประเภท ต่างกันอย่างไร?

ฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ประเภท ต่างกันอย่างไร?

ฟิล์มติดรถยนต์ถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อการใช้งานที่ต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้

1. ฟิล์มติดรถยนต์ย้อมสี

ฟิล์มติดรถยนต์ย้อมสี สามารถช่วยกรองแสงแดดให้มีความเข้มน้อยลงได้ และสามารถสะท้อนรังสีได้บางส่วน มีอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี มีราคาถูก แต่ฟิล์มติดรถยนต์ย้อมสี ในช่วงแรกจะมีสีดำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสีจะซีดลงค่อนข้างไว นอกจากนี้ ยังไม่สามารถป้องกันรังสี UV และความร้อนได้ จึงทำให้ลดปริมาณความร้อนได้ไม่เกิน 50%

2. ฟิล์มติดรถยนต์เคลือบโลหะ

ฟิล์มติดรถยนต์เคลือบโลหะ สามารถสะท้อนแสงแดดได้เป็นอย่างดี และลดปริมาณความร้อนได้ดีถึง 35-90% มีอายุการใช้งานถึง 3-7 ปี ราคาสำหรับการติดรอบคันอยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 บาท แต่ข้อเสียของฟิล์มประเภทนี้ก็คือ อาจก่อให้เกิดการรบกวนของสัญญาณมือถือ และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งในปัจจุบัน เป็นฟิล์มที่ผิดกฎหมาย เพราะลักษณะของฟิล์มมีความวาว ทำให้เกิดแสงสะท้อน รบกวนทัศนวิสัยของรถคันอื่นได้ จึงต้องเลือกด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

3. ฟิล์มติดรถยนต์คาร์บอน

ฟิล์มติดรถยนต์คาร์บอน มีคุณสมบัติคล้ายกับฟิล์มปรอท สามารถสะท้อนแสง และลดความร้อนได้ดี ทนทานต่อการซีดจาง สำหรับฟิล์มประเภทนี้ ถ้ามองจากภายนอกจะเป็นสีดำเข้ม แต่ถ้ามองจากภายใน ฟิล์มจะมีความใสกว่าระดับนึง มีอายุการใช้งานถึง 10 ปี สามารถป้องกันรังสี UV ได้ประมาณ 40% ไม่รบกวนสัญญาณ GPS สัญญาณมือถือ รวมไปถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วย ซึ่งฟิล์มติดรถยนต์คาร์บอน เคยได้รับความนิยมในช่วงระยะเวลานึง ฟิล์มคาร์บอนติดรถยนต์ราคาประมาณ 5,000 บาท แต่ข้อเสียของฟิล์มติดรถยนต์คาร์บอนคือป้องกันความร้อนได้ไม่ดีเท่าฟิล์มปรอท เพราะฟิล์มคาร์บอนเป็นฟิล์มดำ ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีเก่า

4. ฟิล์มติดรถยนต์เซรามิค

ฟิล์มติดรถยนต์เซรามิค หรือฟิล์มนาโนเซรามิค เป็นฟิล์มที่ได้รับความนิยม จุดเด่นของฟิล์มประเภทนี้คือมีความสว่าง ไม่มืดทึบ และไม่บดบังทัศนวิสัยสำหรับการมองเห็นในตอนขับขี่ อีกทั้งฟิล์มติดรถยนต์เซรามิค ยังสามารถลดความร้อนจากแสงแดด ป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99% และไม่รบกวนสัญญาณต่างๆ มีอายุการใช้งานถึง 10 ปี แต่ด้วยคุณภาพที่ดี ราคาจึงค่อนข้างสูง ข้อเสียของฟิล์มประเภทนี้คือการเก็บความร้อนเมื่อจอดรถนิ่งๆ และได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน ซึ่งอาจจะทำให้อุณหภูมิภายในรถสูงขึ้นได้

5. ฟิล์มติดรถยนต์นิรภัย

ฟิล์มติดรถยนต์นิรภัย จุดเด่นคือมีเนื้อฟิล์มที่หนากว่าฟิล์มประเภทอื่นๆ จึงมีความทนทานถึง 10 เท่า สามารถป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้ดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับทรัพย์สินที่อยู่ภายในรถได้ด้วย ข้อเสียของฟิล์มติดรถยนต์นิรภัยคือ ฟิล์มติดรถยนต์นิรภัยจะถูกติดตั้งด้านนอก ซึ่งหากโดนฝน หรือแดดเป็นเวลานาน อาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลง

6. ฟิล์มติดรถยนต์มัลติเลเยอร์

ฟิล์มติดรถยนต์มัลติเลเยอร์ เป็นฟิล์มที่ผลิตจากการนำแผ่นโพลีเอสเตอร์ที่บางมากๆ มาซ้อนทับกันมากกว่า 200 ชั้น แต่ปกติฟิล์มทั่วๆ ไปจะซ้อนทับกันเพียง 5-9 ชั้นเท่านั้น ทำให้ฟิล์มมัลติเลเยอร์มีคุณสมบัติสะท้อนรังสีได้ดีกว่า

 ช่วยปกป้องผู้โดยสาร และวัสดุภายในรถจากรังสี UV ที่เป็นอันตราย ลดความร้อนจากแสงแดดที่เข้าสู่ห้องโดยสาร จึงช่วยประหยัดพลังงานในการใช้เครื่องปรับอากาศได้ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ผู้โดยสาร มีความปลอดภัย เสริมความแข็งแรงให้กระจก จึงช่วยป้องกันการแตกกระจายของกระจกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดแสงสะท้อน และแสงจ้าจากภายนอก ทำให้ระหว่างการขับขี่สบายตาขึ้น ช่วยป้องกันการซีดจางของเบาะ และวัสดุตกแต่งภายในรถ อีกทั้งยังช่วยเรื่องประสิทธิภาพด้านการมองเห็น เพราะเป็นฟิล์มคุณภาพดี ไม่บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ 

จึงขอแนะนำ 3M Crystalline เข้มจากภายนอก แต่สว่าง เคลียร์ ชัดจากภายใน! ด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบ ‘มัลติเลเยอร์ ออฟติคอล ฟิล์ม’ ที่เป็นสิทธิบัตรของ 3M เท่านั้น มาพร้อมกับคุณสมบัติช่วยสะท้อนรังสี UV ได้ถึง 99.99% ช่วยสะท้อนรังสีอินฟราเรดได้สูงกว่า 97% มีค่าเอสพีเอฟสูงกว่า 1,000 หรือ 30 เท่าของครีมกันแดด ได้รับการรับรองจากสถาบันมะเร็งผิวหนังแห่งสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ภายในรถอีกด้วย 

วิธีเลือกฟิล์มติดรถยนต์ ให้เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด

วิธีเลือกฟิล์มติดรถยนต์ ให้เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด

รู้กันไปแล้วว่า ฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ประเภท ต่อไปมาดูกันว่าการเลือกติดฟิล์มนั้น สามารถเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างไร

ช่วยกันความร้อน

วัตถุประสงค์หลักของการติดฟิล์มรถยนต์ คือเพื่อป้องกันความร้อน ดังนั้น ควรพิจารณาว่าฟิล์มที่เลือกจะติดตั้งนั้น สามารถกันความร้อนได้ดีหรือไม่ ซึ่งฟิล์มแต่ละประเภท จะบอกความสามารถในการป้องกันความร้อนอยู่ อย่างเช่น ฟิล์มเซรามิก ฟิล์มปรอทกับฟิล์มมัลติเลเยอร์ ที่มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดี 

ระดับความเข้มของฟิล์ม

ในระดับความเข้มของฟิล์ม เพื่อให้ชัดเจนนั้น ต้องดูจากค่า VLT หาก % VLT มีค่าน้อย นั่นหมายถึง แสงแดดจะส่องเข้ามาได้น้อย ความเข้มก็จะยิ่งมาก แต่ถ้าตัวเลขที่คนทั่วไปคุ้นชิน นั่นก็คือฟิล์ม 40 ฟิล์ม 60 และฟิล์ม 80 ซึ่งหมายความว่า ฟิล์ม 80 จะมีความเข้มสูง เน้นความเป็นส่วนตัว มีค่า VLT อยู่ในช่วง 5-19% แต่ถ้าฟิล์ม 40 ก็จะมีความเข้มน้อย ฟิล์มค่อนข้างใส มีค่า VLT อยู่ในช่วง 40 – 80% 

เฉดสีของฟิล์ม

ในปัจจุบัน ฟิล์มรถยนต์มีหลายเฉดสีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มรถยนต์สีเขียว ฟิล์มรถยนต์สีชา ฟิล์มรถยนต์สีดำ ฟิล์มรถยนต์สีฟ้า และฟิล์มรถยนต์สีเทา ซึ่งในการเลือกเฉดสีของฟิล์ม ให้ลองนำฟิล์มที่เลือกไปทาบกับกระจกดูก่อน เพื่อดูว่า ถ้าหากติดฟิล์มเฉดสีนี้ จะมีความแตกต่างไปจากเดิมมากน้อยเท่าไร

ระดับความเงาของฟิล์ม

ระดับความเงาของฟิล์ม จะต้องดูจากค่า VLR ถ้าค่า VLR สูง ระดับความเงาของฟิล์มก็จะสูงมาก ทำให้สะท้อนแสงได้ดี หากชอบฟิล์มที่มีความเงาวาว แนะนำให้เลือกฟิล์มโลหะ หรือฟิล์มปรอท แต่ถ้าหากชอบฟิล์มที่มีความเงาน้อย สะท้อนแสงต่ำ แนะนำให้เลือกฟิล์มเซรามิกหรือฟิล์มมัลติเลเยอร์

สรุป

ฟิล์มรถยนต์มีอยู่ด้วยกันหลักๆ 6 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติ และจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งการเลือกติดฟิล์มนั้น สามารถเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ โดยต้องพิจารณาจากคุณสมบัติต่างๆ ที่ได้แนะนำไป ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันความร้อน ระดับความเข้มของฟิล์ม เฉดสีของฟิล์ม และระดับความเงาของฟิล์ม และควรเลือกติดฟิล์มจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้อย่างแบรนด์ 3M และติดตั้งกับตัวแทนจำหน่ายที่เชี่ยวชาญ และชำนาญ ทั้งยังมีความรู้เรื่องฟิล์มอย่างที่ SPMS-EST ที่พร้อมให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า

แชร์บทความนี้