พาส่อง! 15 เทคนิคการบำรุงรักษารถยนต์ ให้ดูใหม่ ปลอดภัยอยู่เสมอ

พาส่อง! 15 เทคนิคการบำรุงรักษารถยนต์ ให้ดูใหม่ ปลอดภัยอยู่เสมอ
คนรักรถควรรู้!
  • การบำรุงรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอมีความสำคัญมากเพราะนอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการปล่อยให้เกิดปัญหาจนต้องซ่อมแซม ซึ่งมักมีค่าใช้จ่ายสูง และไม่สามารถทำให้รถกลับมามีสมรรถนะดีเท่าเดิมได้
  • การบำรุงรักษารถยนต์ สามารถทำได้ง่ายๆ ตั้งแต่การเริ่มดูแลรักษาฟิล์มรถยนต์ให้ดี ดูแลความสะอาดของกระจกหน้า ที่ปัดน้ำฝน ที่กรองอากาศ และห้องเครื่อง รวมถึงตรวจเช็กขั้วแบตเตอรี่ ยางรถยนต์ ระดับของเหลวในรถ ระบบเบรก ระบบไฟ หัวเทียน สายพาน รวมถึงเช็กระยะ และล้างรถอย่างสม่ำเสมอด้วย
  • สำหรับการติดฟิล์มรถยนต์ ควรเลือกร้านที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก 3M อย่าง SPMS-EST เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของฟิล์ม และความเชี่ยวชาญในการติดตั้ง ซึ่งจะช่วยให้ฟิล์มทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

รถยนต์หนึ่งคันประกอบไปด้วยชิ้นส่วนนับหมื่นชิ้นจากวัสดุที่หลากหลาย เช่น โลหะ กระจก ยาง และวัสดุปิโตรเคมี เมื่อใช้งานไปนานๆ ชิ้นส่วนต่างๆ ย่อมเสื่อมสภาพตามระยะทาง และกาลเวลา รวมถึงผลกระทบจากสภาพแวดล้อม หากละเลยการบำรุงรักษา นอกจากจะทำให้สมรรถนะของรถลดลงแล้ว ปัญหายังอาจลุกลามจากชิ้นส่วนหนึ่งไปยังชิ้นส่วนอื่นๆ และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

การบำรุงรักษารถยนต์ หรือการดูแลรักษารถให้ดูใหม่อยู่เสมอ จึงเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นต้องบำรุงรักษาไปจนถึงเครื่องยนต์ของรถด้วย บทความนี้จะพาไปดู 15 เทคนิคการบำรุงรักษารถยนต์ ให้ดูใหม่ และปลอดภัยอยู่เสมอ เพื่อให้เหล่าคนรักรถได้ขับรถกันอย่างสบายใจตลอดทาง!

ความสำคัญของการบำรุงรักษารถยนต์

มีคำกล่าวที่ว่า ‘อายุการใช้งานของรถขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษา 70% และการซ่อมแซม 30%’ การบำรุงรักษารถยนต์ตามกำหนดเวลา จึงมีความสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานแล้ว ยังประหยัดกว่าการซ่อมแซมรถ ที่มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าหลายเท่า 

อีกทั้งการซ่อมแซมรถนั้นยากที่จะทำให้รถกลับมามีสมรรถนะที่ดีเท่าเดิม การบำรุงรักษาตามกำหนด จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหา เพื่อที่จะได้ตรวจพบความผิดปกติได้ทันท่วงที และรักษาสภาพรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

รวม 15 เทคนิคการบำรุงรักษารถยนต์ 

ต่อไปมาดูเทคนิคการบำรุงรักษารถยนต์ทั้ง 15 เทคนิค เพื่อดูแลรักษารถของคุณ ให้อยู่กับคุณไปนานๆ

ดูแลฟิล์มรถให้ดี

1. ดูแลฟิล์มรถให้ดี

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยปกป้องภายในรถยนต์ และเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ การดูแลรักษาฟิล์มรถให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานนั้นไม่ยากเลย 

  • หลีกเลี่ยงใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือแอมโมเนีย เพราะอาจทำให้ฟิล์มเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ 
  • ใช้น้ำสะอาด และผ้าไมโครไฟเบอร์นุ่มๆ เช็ดทำความสะอาดเบาๆ โดยไม่ออกแรงขัดมาก 
  • หลังติดตั้งฟิล์มใหม่ ควรงดล้างรถ หรือเปิดกระจกไว้อย่างน้อย 7 วัน เพื่อให้กาวยึดติดกระจกได้ดี
  • ในฤดูร้อนควรจอดรถในที่ร่ม หรือใช้ที่บังแดด เพื่อลดการสะสมความร้อน ที่อาจทำให้ฟิล์มพองตัว 
  • หากพบรอยขูดขีด หรือฟิล์มมีการหลุดลอก ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อซ่อมแซมทันที เพราะหากปล่อยไว้ อาจทำให้ปัญหาลุกลาม และต้องเปลี่ยนฟิล์มใหม่ทั้งบาน
กระจกหน้าต้องใส

2. กระจกหน้าต้องใส

กระจกหน้ารถเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นทัศนวิสัยด้านหน้าได้ชัดเจน จึงควรหมั่นทำความสะอาดด้วยน้ำยาเช็ดกระจก และผ้าไมโครไฟเบอร์เป็นประจำ หากพบรอยร้าวแม้แต่เล็กน้อยจากสะเก็ดหิน หรืออุบัติเหตุ ควรรีบซ่อมทันที ก่อนที่ความเสียหายจะลุกลามจนต้องเปลี่ยนกระจกทั้งบาน และควรหลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแดดเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันความเสียหายจากความร้อนสะสมด้วย

ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่

3. ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่

ขั้วแบตเตอรี่เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญ ระหว่างแบตเตอรี่กับระบบไฟฟ้ารถยนต์ ซึ่งอาจเกิดคราบสีขาว หรือสีเขียวจากการสะสมของซัลเฟต ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้สตาร์ตรถติดยาก หรือระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ 

การดูแลรักษารถทำได้โดยการทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นผสมเบกกิ้งโซดา เช็ดให้แห้ง แล้วทาจาระบี หรือวาสลีนบางๆ พร้อมตรวจสอบการเชื่อมต่อสายไฟให้แน่นพอดี เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานของระบบไฟฟ้า

เปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน

4. เปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน

ที่ปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามฝนตก หรือเมื่อกระจกสกปรก การเสื่อมสภาพของยางปัดน้ำฝนอาจเกิดจากการใช้งานที่ยาวนาน แสงแดด หรือมลภาวะ ทำให้ยางแข็ง แตก หรือเสียรูปทรง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการปัดน้ำลดลง เกิดเสียงดังขณะใช้งาน หรือปัดน้ำไม่สะอาด 

จึงควรหมั่นตรวจสอบสภาพยางปัดน้ำฝน และเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 6 – 12 เดือน หรือเมื่อพบว่าประสิทธิภาพการทำงานลดลง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่นั่นเอง

 เปลี่ยนที่กรองอากาศ

5. เปลี่ยนที่กรองอากาศ

การบำรุงรักษารถยนต์ ต้องเช็กที่กรองอากาศรถยนต์ด้วย เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยกรองฝุ่น และสิ่งสกปรก ไม่ให้เข้าไปในเครื่องยนต์ ซึ่งหากปล่อยให้สิ่งสกปรกเข้าไป จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็ว สิ้นเปลืองน้ำมัน และอาจเกิดปัญหาการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ควรทำความสะอาดที่กรองอากาศทุกๆ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร หรือเปลี่ยนใหม่เมื่อชำรุด หรือสกปรกมาก โดยสามารถสังเกตได้จากที่กรองอากาศมีสีดำคล้ำ หรือมีฝุ่นเกาะหนา

 ตรวจสอบยางรถ

6. ตรวจสอบยางรถ

ยางรถยนต์ส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ เพราะเป็นจุดสัมผัสเดียวระหว่างรถกับถนน ช่วยในการทรงตัว เบรก และยึดเกาะถนน การดูแลรักษารถที่สำคัญคือ ตรวจเช็กลมยางทุกเดือน (ตามค่ามาตรฐานของรถ) สลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร และเปลี่ยนยางเมื่อดอกยางสึกถึงจุดที่กำหนด หรือมีอายุการใช้งานเกิน 5 – 6 ปี นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ที่กระแทกกับขอบถนน หรือหลุมบ่อรุนแรง

เช็กน้ำมันเครื่อง

7. เช็กน้ำมันเครื่อง

การบำรุงรักษารถยนต์ ต้องเช็กน้ำมันเครื่องช่วยในการหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ ช่วยลดการเสียดสี และการสึกหรอ ทำความสะอาดเครื่องยนต์ และระบายความร้อน ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 5,000 – 10,000 กิโลเมตร (หรือตามคู่มือรถ) และตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องเดือนละครั้ง หากพบว่าน้ำมันเครื่องมีสีดำคล้ำ เหนียวข้น หรือมีระดับต่ำกว่าที่กำหนด ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบทันที

เช็กเบรกรถยนต์

8. เช็กเบรกรถยนต์

ระบบเบรกเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดในรถยนต์ ทำหน้าที่ชะลอความเร็ว และหยุดรถ การดูแลรักษารถที่สำคัญคือ ตรวจเช็กระดับน้ำมันเบรกทุกเดือน สังเกตเสียงดังผิดปกติขณะเบรก และตรวจสอบผ้าเบรกทุกๆ 20,000 กิโลเมตร หรือเมื่อรู้สึกว่าประสิทธิภาพการเบรกลดลง เช่น ต้องเหยียบเบรกลึกกว่าปกติ หรือมีเสียงดังเวลาเบรก ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการทันทีเมื่อพบความผิดปกติ

เช็กไฟรถยนต์

9. เช็กไฟรถยนต์

ไฟรถยนต์มีความสำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ช่วยให้มองเห็นเส้นทางในเวลากลางคืน และช่วยสื่อสารกับรถคันอื่นบนท้องถนน เช่น ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟฉุกเฉิน ควรตรวจสอบไฟทุกดวงอย่างน้อยเดือนละครั้ง เช็ดทำความสะอาดเลนส์ไฟหน้าเมื่อสกปรก และเปลี่ยนหลอดไฟทันที เมื่อพบว่าหลอดขาด หรือแสงสว่างลดลง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

ตรวจสอบระดับของเหลว

10. ตรวจสอบระดับของเหลว

ของเหลวในรถยนต์แต่ละชนิด (น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็น น้ำฉีดกระจก น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์) มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในรถ ควรตรวจเช็กระดับของเหลวทุกชนิดอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยดูที่ขีดวัดระดับ และสังเกตสีของของเหลว หากพบว่าระดับต่ำกว่าปกติ มีสีผิดเพี้ยน หรือมีกลิ่นไหม้ ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบ และเติมของเหลวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

เช็กระยะอย่างสม่ำเสมอ

11. เช็กระยะอย่างสม่ำเสมอ

การเช็กระยะรถยนต์ สำคัญต่อสมรรถนะ และความปลอดภัยในการขับขี่ เพราะเป็นการตรวจสอบ และบำรุงรักษาชิ้นส่วนต่างๆ ตามระยะทาง หรือเวลาที่กำหนด ควรเข้ารับการเช็กระยะตามที่คู่มือรถระบุ โดยทั่วไปคือทุกๆ 5,000 – 10,000 กิโลเมตร หรือทุกๆ 6 เดือน การเช็กระยะประกอบไปด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตรวจสอบระบบเบรก ระบบไฟ ระบบช่วงล่าง และระบบอื่นๆ ตามระยะที่กำหนด เพื่อยืดอายุการใช้งาน และเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถด้วย

ล้างห้องเครื่องยนต์

12. ล้างห้องเครื่องยนต์

การบำรุงรักษารถยนต์ อย่างการล้างห้องเครื่องยนต์ ช่วยให้เห็นการรั่วซึมของน้ำมัน หรือจุดที่ต้องซ่อมแซม ทำให้เครื่องยนต์สะอาด และระบายความร้อนได้ดี ควรล้างทำความสะอาดทุกๆ 6 – 12 เดือน โดยต้องระวังไม่ให้น้ำเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น กล่องฟิวส์ ไดชาร์จ หรือคอยล์จุดระเบิด ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดแทนการฉีดน้ำโดยตรง และหลังจากล้างเสร็จแล้ว ควรสตาร์ตเครื่องทิ้งไว้สักพักให้เครื่องอุ่นเพื่อไล่ความชื้นด้วย

เปลี่ยนหัวเทียน

13. เปลี่ยนหัวเทียน

หัวเทียนมีหน้าที่จุดระเบิดเชื้อเพลิงในห้องเผาไหม้ หากหัวเทียนเสื่อมสภาพ จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน เครื่องยนต์สะดุด กำลังตก และสตาร์ตติดยาก ควรตรวจสอบ และเปลี่ยนหัวเทียนตามระยะที่คู่มือรถกำหนด แต่โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 40,000 – 100,000 กิโลเมตร แต่ถ้าหากพบอาการผิดปกติ เช่น เครื่องสั่น รอบเดินไม่เรียบ หรือเครื่องกระตุก ควรนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันที

ตรวจสอบสายพาน

14. ตรวจสอบสายพาน

การบำรุงรักษารถยนต์ ควรตรวจสอบสายพานในรถยนต์ช่วยในการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปขับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ไดชาร์จ ปั๊มน้ำ คอมเพรสเซอร์แอร์ และปั๊มพวงมาลัยเพาเวอร์ ควรตรวจสอบสภาพสายพานทุกๆ 20,000 – 40,000 กิโลเมตร โดยดูรอยแตก ความตึง และการสึกหรอ หากพบเสียงดังผิดปกติ สายพานหย่อน หรือมีรอยแตก ควรรีบเปลี่ยนทันที เพื่อป้องกันสายพานขาดกะทันหัน ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้                                                                                                                                                

อย่าลืมล้างรถให้สะอาด

15. อย่าลืมล้างรถให้สะอาด

การล้างรถยนต์ให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ ช่วยรักษาสภาพสีรถ และป้องกันสนิม ควรล้างรถอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือล้างเมื่อรถสกปรก โดยเริ่มจากการฉีดน้ำให้ทั่วตัวรถเพื่อล้างฝุ่น ใช้แชมพูล้างรถ เช็ดให้แห้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ และควรหลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแดด หรือกลางฝนทันทีหลังล้าง นอกจากนี้ ควรเคลือบแว็กซ์ทุกๆ 3 – 6 เดือน เพื่อปกป้องสีรถ และให้รถดูใหม่อยู่เสมอ

ติดฟิล์มกับ SPMS-EST ดีกว่าอย่างไร

ถ้าจะเลือกติดฟิล์มรถยนต์ ให้เลือกติดกับร้านที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก 3M เพื่อช่วยให้มั่นใจในคุณภาพ และประสิทธิภาพของฟิล์ม รวมถึงการติดตั้ง ที่การันตีว่าถูกต้องตามมาตรฐาน เพื่อให้ฟิล์มของคุณสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น

ขอแนะนำให้เลือกติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3M จากร้านตัวแทนสาขาใกล้บ้านคุณ เพื่อความสะดวก และรวดเร็วในทุกขั้นตอน โดยในปัจจุบัน 3M มีร้านตัวแทนจำหน่ายมากถึง 400 สาขาทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดด้วย โดยคุณสามารถตรวจสอบ 3M ติดฟิล์ม สาขาใกล้บ้านได้จากเว็บไซต์หลักของ SPMS-EST.com

สรุป

การบำรุงรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย เพราะถ้าหากปล่อยให้เกิดปัญหาจนต้องซ่อมแซม ค่าใช้จ่ายก็จะสูง และไม่สามารถทำให้รถกลับมามีสมรรถนะดีเท่าเดิมได้ ดังนั้น การบำรุงรักษาตามกำหนดจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหา และรักษาสภาพรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
เลือกติดฟิล์มรถยนต์ ให้เลือกติดกับร้านที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก 3M เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ และประสิทธิภาพของฟิล์ม รวมถึงการันตีความเชี่ยวชาญด้านการติดตั้ง เพื่อให้ฟิล์มสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน

แชร์บทความนี้