คนรักรถควรรู้!
- ฟิล์มรถยนต์มีกี่ประเภท ดังนี้ ฟิล์มย้อมสี ฟิล์มเคลือบโลหะ ฟิล์มคาร์บอน ฟิล์มเซรามิก ฟิล์มนิรภัย และฟิล์มมัลติเลเยอร์
- ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกฟิล์ม ควรเลือกจากคุณสมบัติการป้องกันความร้อน การป้องกันรังสี UV เทคโนโลยีของฟิล์ม ความเข้มของฟิล์ม มาตรฐานและการรับรอง ราคาและความคุ้มค่า
- การตรวจสอบคุณภาพหลังการติดตั้งฟิล์มมี 3 ข้อ อะไรบ้าง? เริ่มจากตรวจสอบสภาพฟิล์มหลังติดตั้ง ตรวจสอบขนาดและการตัดแต่งฟิล์ม และความสะอาดและการเก็บงาน
- เทคนิคดูแลรักษาฟิล์มรถยนต์ให้ใช้งานได้นานๆ ควรงดเปิด-ปิดกระจกเป็นเวลา 7-14 วัน เช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือและไม่ใช้วัสดุแข็งหรือน้ำแรง งดใช้ระบบละลายฝ้าที่กระจกหลังเป็นเวลา 30 วัน ตรวจสอบฟิล์มอย่างสม่ำเสมอ
หลายคนที่เพิ่งออกรถใหม่ หรือกำลังคิดจะเปลี่ยนฟิล์มรถยนต์ อาจมีคำถามว่า ควรเลือกฟิล์มรถยนต์แบบไหนดี? เนื่องจากฟิล์มกรองแสงไม่ได้มีประเภทเดียวเท่านั้น แต่ยังมีหลายแบบ โดยมีคุณสมบัติและตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับฟิล์มรถยนต์ว่ามีกี่ประเภท และวิธีเช็กคุณภาพฟิล์มหลังติดตั้ง เพื่อให้ได้ฟิล์มที่มีคุณภาพ ใช้ได้นาน

ฟิล์มรถยนต์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
ฟิล์มรถยนต์ เป็นวัสดุที่ใช้ติดบนกระจกรถ เพื่อกรองแสง ลดความร้อนเข้าสู่ตัวรถ ปกป้องผู้ขับขี่จากแสงแดด ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสงสัยว่าฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีกี่ประเภท สามารถแบ่งเป็นดังนี้
ฟิล์มย้อมสี
ฟิล์มย้อมสี เป็นฟิล์มที่ช่วยลดแสงจ้าที่ส่องเข้ามาในรถ แต่ประสิทธิภาพในการลดความร้อนและป้องกันรังสี UV ได้น้อย ข้อเสียคือสีของฟิล์มจะซีดจางลงอย่างรวดเร็ว เมื่อโดนแดดนานๆ ทำให้อายุการใช้งานสั้นเพียงประมาณ 3-5 ปี นอกจากนี้ ฟิล์มย้อมสีคุณภาพต่ำบางรุ่นอาจทำให้การมองเห็นผิดเพี้ยน โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ได้
ฟิล์มเคลือบโลหะ
ฟิล์มเคลือบโลหะ ทำงานโดยใช้ชั้นอนุภาคโลหะเพื่อสะท้อนแสงและความร้อน ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในการลดความร้อนจากแสงแดดที่ส่องเข้ามาในรถยนต์ ฟิล์มชนิดนี้มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนและไม่ซีดจางง่าย จึงมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 3-7 ปี นอกจากจะช่วยลดแสงจ้าและป้องกันรังสียูวีได้ดีแล้ว ยังมีสีสันและลวดลายให้เลือกมากมาย แต่มีข้อเสียหลักคือฟิล์มเคลือบโลหะอาจรบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์บางอย่าง เช่น GPS, Easy Pass หรือสัญญาณโทรศัพท์ได้
ฟิล์มคาร์บอน
ฟิล์มคาร์บอน (Carbon Film) เป็นฟิล์มที่ใช้ผงอนุภาคคาร์บอนผสมลงไปในเนื้อฟิล์มโดยตรง มีคุณสมบัติเด่นในการดูดซับความร้อนและป้องกันรังสี UV ได้ดี โดยไม่รบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ฟิล์มชนิดนี้มีความทนทานสูง สีไม่ซีดจาง และให้สีดำสนิทที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่สะท้อนแสงจ้า ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ชัดเจนตลอดเวลา แต่ฟิล์มคาร์บอนมีราคาสูงกว่าฟิล์มย้อมสีและฟิล์มปรอท และบางรุ่นที่มีความเข้มมากอาจทำให้การมองเห็นตอนกลางคืนหรือในที่แสงน้อยลดลงบ้าง
ฟิล์มเซรามิก
ฟิล์มเซรามิกเป็นฟิล์มที่ใช้เทคโนโลยีนาโนเซรามิก ทำให้ไม่มีส่วนประกอบของโลหะ จึงไม่รบกวนสัญญาณ GPS หรือโทรศัพท์มือถือ ฟิล์มชนิดนี้มีคุณสมบัติเด่นคือ ป้องกันรังสี UV ได้เกือบ 100% และลดความร้อนจากรังสีอินฟราเรดได้สูง ทำให้ห้องโดยสารเย็นสบายขึ้น และให้ความเป็นส่วนตัว นอกจากจะมีความทนทานและสีไม่ซีดจางง่ายแล้ว ยังให้ทัศนวิสัยที่คมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน ข้อเสียคือมีราคาสูงกว่าฟิล์มชนิดอื่นๆ
ฟิล์มนิรภัย
ฟิล์มนิรภัย เป็นฟิล์มที่หนาและทนทานกว่าฟิล์มกรองแสงทั่วไป ผลิตจากโพลีเอสเตอร์หลายชั้นที่มีคุณสมบัติเด่นในการเสริมความแข็งแรงให้กับกระจก และยึดเกาะเศษกระจกไม่ให้แตกกระจาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือถูกทุบ ช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี นอกจากฟิล์มนิรภัยจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการลดความร้อนและป้องกันรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย แต่ฟิล์มประเภทนี้มีราคาสูงกว่าฟิล์มทั่วไป และอาจทำให้น้ำหนักของกระจกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ฟิล์มมัลติเลเยอร์
ฟิล์มมัลติเลเยอร์ คือฟิล์มรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีการซ้อนทับชั้นโพลีเอสเตอร์บางเฉียบกว่า 200 ชั้น สามารถป้องกันรังสี UV ได้เกือบ 100% และลดรังสีอินฟราเรดที่ก่อให้เกิดความร้อนได้สูงถึง 97% ทำให้ภายในรถเย็นสบายและช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ภายในรถ นอกจากนี้ยังลดแสงสะท้อนได้ดี ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน และไม่รบกวนสัญญาณ GPS หรือโทรศัพท์มือถืออีกด้วย แต่ฟิล์มมัลติเลเยอร์มีข้อเสียคือราคาสูง หาซื้อยากในบางพื้นที่

ก่อนเลือกฟิล์ม ควรพิจารณาอะไรบ้าง
ในการเลือกฟิล์มกรองแสงนอกจากจำแนกได้ว่ามีกี่ประเภทแล้ว ก่อนเลือกซื้อและติดฟิล์มควรพิจารณาจากปัจจัยดังนี้
- คุณสมบัติการป้องกันความร้อน เลือกฟิล์มที่มีประสิทธิภาพในการกันความร้อนสูง เพราะจะช่วยให้ภายในรถเย็นลง ลดการใช้พลังงานของแอร์
- การป้องกันรังสี UV ควรเลือกฟิล์มที่สามารถกรองรังสี UV ได้มากถึง 99% เพื่อปกป้องผิวหนังและรักษาสีวัสดุภายในรถไม่ให้ซีดจางเร็ว
- เทคโนโลยีของฟิล์ม ฟิล์มบางชนิดมีเทคโนโลยีพิเศษ เช่น เซรามิก หรือมัลติเลเยอร์ ที่ให้ประสิทธิภาพสูงและไม่ส่งผลกระทบต่อสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์
- ความเข้มของฟิล์ม เลือกระดับความเข้มที่เหมาะสมกับตำแหน่งติดตั้งและการใช้งาน เช่น กระจกหน้าเลือกฟิล์มที่ความเข้มไม่สูงเกินไป เพื่อไม่ให้บดบังการมองเห็นในเวลากลางคืน
- สีและความเงาของฟิล์ม ฟิล์มมีหลายสีและระดับความเงา ควรเลือกสีที่เข้ากับรถและความชอบส่วนตัว โดยฟิล์มบางแบบอาจมีความเงาสะท้อนสูงจนรบกวนสายตาได้
- มาตรฐานและการรับรอง เลือกฟิล์มจากแบรนด์ที่มีมาตรฐานสากลและรับประกันคุณภาพ เพื่อความมั่นใจในการใช้งานระยะยาวและการเคลมหลังการติดตั้ง
- ราคาและความคุ้มค่า พิจารณาราคาเทียบกับคุณภาพและฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อให้ได้ฟิล์มที่เหมาะสมและคุ้มค่ากับการลงทุน

การตรวจสอบคุณภาพการติดตั้งฟิล์มกรองแสงมีอะไรบ้าง
ในการตรวจสอบคุณภาพติดตั้งฟิล์มกรองแสง เพื่อให้ประสิทธิภาพดีที่สุด มีด้วยกัน 3 ข้อ คืออะไรบ้าง ไปดูกัน!
- ตรวจสอบสภาพฟิล์มหลังติดตั้ง หลังจากติดตั้งไปแล้ว ฟิล์มควรไม่มีฟองอากาศ รอยยับ หรือคราบน้ำขังที่มองเห็นได้ชัดเจนในระยะเวลานานกว่าปกติ (1-4 สัปดาห์แรกมีคราบน้ำเล็กน้อยได้แต่ไม่ถือว่าผิดปกติ) ฟิล์มต้องเรียบเนียนและยึดติดกระจกอย่างดีไม่มีรอยลอก
- ตรวจสอบขนาดและการตัดแต่งฟิล์ม ฟิล์มที่ติดตั้งต้องมีขนาดพอดีกับกระจก ไม่มีส่วนเกินยื่นออกมาจากขอบกระจก และต้องถูกตัดแต่งเรียบร้อยด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการย่นหรือหลุดล่อนในอนาคต
- ความสะอาดและการเก็บงาน หลังติดตั้งควรทำความสะอาดกระจกและฟิล์มเพื่อให้มั่นใจว่าฟิล์มติดตั้งเรียบร้อย ไม่มีฝุ่น ขน หรือสิ่งสกปรกติดอยู่ที่ผิวฟิล์มหรือขอบกระจก เพื่อความสวยงามและประสิทธิภาพฟิล์มที่สมบูรณ์

เคล็ดลับดูแลรักษาฟิล์มกรองแสงหลังติดตั้ง
เมื่อได้รู้เกี่ยวกับฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ประเภท และการตรวจสอบคุณภาพหลังติดตั้งฟิล์มแล้ว เพื่อให้ฟิล์มมีประสิทธิภาพ ใช้งานได้นานนั้นมีเรื่องน่ารู้ ทั้งการดูแล ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี มีดังนี้
วิธีทำความสะอาด
- เช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือและไม่ใช้วัสดุแข็งหรือน้ำแรง เช่น แปรงแข็ง หรือน้ำแรงดันสูง เพื่อป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนและความเสียหายต่อเนื้อฟิล์ม
- หลีกเลี่ยงการถูหรือขัดแรงๆ บนผิวฟิล์ม ห้ามใช้ผ้าหยาบ หนังสือพิมพ์ หรือวัสดุที่มีความแข็งควรใช้ผ้านุ่มและเช็ดเบาๆ เท่านั้น
- ตรวจสอบฟิล์มอย่างสม่ำเสมอ หากพบฟองอากาศหรือฟิล์มหลุด ควรติดต่อศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบและแก้ไขทันที
หลังติดฟิล์มใหม่ๆ ควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง
- งดเปิด-ปิดกระจกเป็นเวลา 7-14 วัน เพื่อให้กาวฟิล์มยึดติดกับกระจกได้เต็มที่ ป้องกันฟองอากาศและการลอกหลุดของฟิล์ม
- หลีกเลี่ยงการล้างกระจกหรือทำความสะอาดฟิล์มในช่วง 3 สัปดาห์แรก ไม่ควรใช้น้ำยาล้างกระจกที่มีสารแอมโมเนีย ใช้น้ำสะอาดและผ้านุ่มในการเช็ดทำความสะอาดเท่านั้น เพื่อไม่ทำลายกาวและเนื้อฟิล์ม
- งดใช้ระบบละลายฝ้าที่กระจกหลังเป็นเวลา 30 วัน เพราะความร้อนจากระบบละลายฝ้าอาจทำให้ฟิล์มเกิดความเสียหายได้
- หลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดจัดเป็นเวลานานในช่วงแรกหลังติดตั้ง แนะนำให้จอดในที่ร่มเพื่อลดความร้อนสะสมที่อาจกระทบต่อกาวและฟิล์ม
ติดฟิล์มรถยนต์ กับ SPMS-EST ดีกว่าอย่างไร
หากทราบถึงฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ประเภทแล้ว การเลือกใช้ฟิล์มติดรถยนต์ที่มีคุณภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรติดตั้งกับร้านที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก 3M เพื่อการปกป้องรถได้รอบคัน ลดความร้อนและรังสี UV ให้ห้องโดยสารเย็นสบาย เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ และยังช่วยลดแสงสะท้อนได้ดี ทำให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ทางเราจึงขอแนะนำให้เลือกติดตั้งฟิล์มกับร้านตัวแทนจำหน่ายของ 3M ที่มีอยู่ทุกที่ทั่วประเทศไทย ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เพื่อให้ได้ฟิล์มที่ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการและการใช้งานจริงมากที่สุด สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในร้านเพื่อรับคำแนะนำและเลือกฟิล์มได้อย่างมั่นใจ เช็ก 3M ติดฟิล์ม ที่สาขาใกล้บ้าน กับร้านตัวแทนจำหน่ายได้ง่ายๆ จากเว็บไซต์หลักของ SPMS-EST.com
สรุป
ฟิล์มรถยนต์มีกี่ประเภท? ฟิล์มรถยนต์มีหลากหลายประเภทหลัก ได้แก่ ฟิล์มย้อมสี ราคาถูกแต่กันร้อนและ UV ได้น้อยและสีซีดเร็ว ฟิล์มเคลือบโลหะกันร้อนดีแต่รบกวนสัญญาณ ฟิล์มคาร์บอนและเซรามิกกันร้อนได้ดีเยี่ยมโดยไม่รบกวนสัญญาณ ฟิล์มนิรภัยที่เพิ่มความแข็งแรงให้กระจก และฟิล์มมัลติเลเยอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแต่ราคาสูง การเลือกฟิล์มควรพิจารณาจากคุณสมบัติการกันร้อนและ UV ความเข้ม และมาตรฐานการรับรองเพื่อความปลอดภัยและคุ้มค่า นอกจากนี้ การดูแลรักษาหลังติดตั้งอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานฟิล์มได้อีกด้วย
หากต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกซื้อฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน และติดตั้งกับร้านที่ได้รับมาตรฐานจาก 3M แนะนำที่ SPMS-EST มั่นใจได้ทั้งคุณภาพของฟิล์ม และบริการจากช่างมืออาชีพ ด้วยฟิล์ม 3M ที่มีคุณสมบัติช่วยลดความร้อนจากรังสี UV ได้อย่างดีเยี่ยม ปกป้องรถจากรอยขีดข่วน และมีบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
นอกจากการเลือกซื้อฟิล์มให้เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว ยังมีคำถามน่ารู้ให้คุณไปเรียนรู้ พร้อมคำตอบที่จะช่วยให้คุณเลือกฟิล์มติดรถยนต์ได้ตรงใจมากขึ้นกัน!
ฟิล์ม Multilayer กับ Ceramic แตกต่างกันอย่างไร
ฟิล์ม Multilayer เป็นฟิล์มที่ใช้เทคโนโลยีมัลติเลเยอร์ ออปติคอล ฟิล์ม ซึ่งเป็นการซ้อนทับของแผ่นโพลีเอสเตอร์มากกว่า 200 ชั้น ต่างจากฟิล์มทั่วไปที่มีการซ้อนทับเพียง 5- 6 ชั้น ซึ่งความบางใส แต่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันความร้อนและรังสี UV ส่วนฟิล์ม Ceramic เป็นฟิล์มที่ใช้เทคโนโลยีนาโนเซรามิก มีความเข้มหลากหลาย และราคาประหยัดกว่า มีประสิทธิภาพในการกันความร้อนและ UV ที่ต่ำกว่าเล็กน้อย
การติดฟิล์มรถยนต์แบบ 60/80 ดีไหม
การติดฟิล์มรถยนต์แบบ 60/80 เป็นที่นิยมและเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ฟิล์มบานหน้าความเข้ม 60% ช่วยให้ทัศนวิสัยดีในระหว่างขับขี่กลางวัน ส่วนรอบคันที่ความเข้ม 80% ช่วยป้องกันแสงและความร้อนได้ดี แต่ในเวลากลางคืนอาจรู้สึกมืดไปบ้างสำหรับบางคน จึงเหมาะกับคนที่เน้นขับรถเวลากลางวันเป็นหลัก
ฟิล์มรถยนต์เข้ม 80% ผิดกฎหมายไหม
การติดฟิล์มดำ 80% สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายที่เคยจำกัดความเข้มของฟิล์มรถยนต์ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 แล้ว แต่ต้องระวังไม่ใช้ฟิล์มที่มีการสะท้อนแสงมากเกินไป
