รู้ก่อนติด! กฎหมายติดฟิล์มรถยนต์คืออะไร เลือกอย่างไรไม่เสี่ยงถูกปรับ

รู้ก่อนติด! กฎหมายติดฟิล์มรถยนต์คืออะไร เลือกอย่างไรไม่เสี่ยงถูกปรับ

คนรักรถควรรู้!

  • กฎหมายการติดฟิล์มรถยนต์ อ้างอิง พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ห้ามติดฟิล์มปรอทเนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น ทำให้แสบตา รบกวนทัศนวิสัยการขับขี่ และสร้างความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน
  • หากฝ่าฝืนกฎหมายติดฟิล์มรถยนต์ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และนายทะเบียนยังมีอำนาจสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนรถยนต์ หากเจ้าของรถไม่ดำเนินการแก้ไข
  • วิธีเลือกฟิล์มให้ถูกกฎหมาย เริ่มจากเลือกดูค่ามาตรฐานความเข้มของฟิล์ม (VLT) เลือกฟิล์มให้เหมาะสมตามตำแหน่งส่วนต่างๆ ของรถยนต์ เช่น กระจกหน้า กระจกข้าง กระจกหลัง และเลือกจากคุณสมบัติการป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้ดี

การติดฟิล์มรถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสวยงามหรือการป้องกันความร้อน แต่ยังเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายโดยตรง หากเลือกติดฟิล์มที่ไม่ได้มาตรฐานหรือผิดข้อกำหนด อาจส่งผลให้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกปรับได้ บทความนี้จะอธิบายถึงกฎหมายติดฟิล์มรถยนต์ เพื่อให้เลือกฟิล์มได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกลัวถูกปรับมาฝากกัน!

กฎหมายการติดฟิล์มรถยนต์คืออะไร ทำไมต้องรู้

กฎหมายการติดฟิล์มรถยนต์คืออะไร ทำไมต้องรู้

กฎหมายการติดฟิล์มรถยนต์ในประเทศไทยอ้างอิงตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ระบุว่ารถที่จดทะเบียนแล้วติดฟิล์มปรอทที่มีค่าการสะท้อนแสงสูง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนคนอื่น เช่น ทำให้แสงสะท้อนเข้าตาจนบดบังทัศนวิสัย เพราะถือเป็นการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ก่อให้เกิดอันตราย 

แต่กฎหมายไม่ได้ห้ามติดฟิล์มรถยนต์สีดำเข้มในระดับความเข้มเท่าไรก็ได้ แต่ควรไม่สะท้อนแสงสูง หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งมาตรานี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยลดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนโดยรวม

ฟิล์มรถยนต์แบบไหนเรียกว่าผิดกฎหมาย

การติดฟิล์มรถยนต์ที่ผิดตามกฎหมายในประเทศไทยคือ ฟิล์มปรอท (ฟิล์มที่มีค่าสะท้อนแสงสูง) ซึ่งตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ห้ามติดฟิล์มปรอทเนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น ทำให้แสบตา รบกวนทัศนวิสัยการขับขี่ และสร้างความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

บทลงโทษหากติดฟิล์มผิดกฎหมาย

บทลงโทษสำหรับการติดฟิล์มรถยนต์ผิดตามกฎหมายโดยเฉพาะฟิล์มปรอทที่มีค่าสะท้อนแสงสูงนั้นเป็นไปตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 และมาตรา 60 โดยผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับไม่เกิน 2,000 บาท นอกจากนี้ นายทะเบียนยังมีอำนาจสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนรถยนต์หากเจ้าของรถไม่ดำเนินการแก้ไข

แนะนำประเภทของฟิล์มกรองแสงที่ถูกกฎหมาย ขับขี่ปลอดภัย

แนะนำประเภทของฟิล์มกรองแสงที่ถูกกฎหมาย ขับขี่ปลอดภัย

  • ฟิล์มดำธรรมดา (Dyed Window Tints) ฟิล์มที่ย้อมสีดำเพื่อกรองแสง มีราคาประหยัด ไม่มีการสะท้อนแสงสูง จึงไม่ผิดกฎหมาย
  • ฟิล์มเซรามิก (Ceramic Film) ใช้อนุภาคเซรามิกช่วยกรองรังสี UV และความร้อนสูง ป้องกันสัญญาณดิจิทัลไม่ถูกบล็อก และไม่มีแสงสะท้อนสูง
  • ฟิล์มไฮบริด (Hybrid Film) ผสมผสานเทคโนโลยีฟิล์มดำและฟิล์มโลหะ เพื่อคุณสมบัติกรองแสงและกันความร้อนที่ดีและไม่สะท้อนแสงมาก
  • ฟิล์มโลหะ (Metallized Film) มีส่วนผสมของอนุภาคโลหะที่ช่วยสะท้อนความร้อน แต่ต้องเลือกแบบที่ไม่สะท้อนแสงมากเกินไปเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย
เทคนิคเลือกฟิล์มรถยนต์ให้ถูกกฎหมายและปลอดภัย

เทคนิคเลือกฟิล์มรถยนต์ให้ถูกกฎหมายและปลอดภัย

ในการเลือกติดฟิล์มรถยนต์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากการเลือกฟิล์มที่มีค่าสะท้อนแสงไม่สูงเกินไป จนรบกวนผู้อื่นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณาตามกฎหมายการติดฟิล์มรถยนต์ ดังนี้

เลือกจากค่ามาตรฐานความเข้มของฟิล์ม (VLT)

ค่า VLT (Visible Light Transmittance) หรือค่าการส่องผ่านของแสงที่สามารถส่องผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามาในรถได้โดยตรง โดยค่า VLT ต่ำ = ฟิล์มเข้มทึบแสงน้อย และ VLT สูง = ฟิล์มใสแสงส่องผ่านมาก ถึงแม้กฎหมายประเทศไทยไม่ได้มีการกำหนดค่า VLT ที่ชัดเจน แต่ควรติดตั้งฟิล์มที่ไม่มืดจนเกินไป บดบังทัศนวิสัย และไม่สะท้อนแสงจนรบกวนผู้อื่น

โดยทั่วไปแล้ว ฟิล์มที่ได้รับความนิยมมักมีค่า VLT ประมาณ 40% (เทียบเท่าความเข้ม 35-50%) 60% (เทียบเท่าความเข้ม 15-20%) และ 80% (เทียบเท่าความเข้มประมาณ 5%) ซึ่งค่าความเข้มที่เลือกใช้จะขึ้นอยู่กับความต้องการด้านความเป็นส่วนตัวและการลดความร้อนในห้องโดยสารเป็นหลัก

เลือกใช้ฟิล์มสำหรับตำแหน่งต่างๆ ให้เหมาะสม

ในการเลือกฟิล์มรถยนต์ให้เหมาะสมตามตำแหน่งต่างๆ ของรถยนต์ โดยควรพิจารณาดังนี้

  • กระจกหน้ารถ (บานหน้า) ควรเลือกฟิล์มที่มีความเข้มน้อยที่สุด เช่น ประมาณ 40% VLT เพื่อให้ทัศนวิสัยดี ปลอดภัยในขณะขับรถ โดยเฉพาะตอนกลางคืน
  • กระจกข้างและกระจกหลัง สามารถเลือกฟิล์มที่มีความเข้มมากขึ้น เช่น 60-80% VLT เพื่อความเป็นส่วนตัวและการกันความร้อนที่ดี
  • กระจกบานหลังบางคันที่มองเห็นได้ยาก อาจใช้ฟิล์ม 80% เพื่อเพิ่มความสบายและความเป็นส่วนตัวโดยไม่กระทบต่อการมองเห็นด้านหลังมากนัก

เลือกจากคุณสมบัติกันความร้อนและรังสี UV ได้ดี

ในการเลือกฟิล์มกรองแสง ควรพิจารณาฟิล์มที่มีคุณสมบัติกันความร้อนและรังสียูวีเป็นหลัก ฟิล์มที่ดีควรกันรังสี UV ได้สูงถึง 99% เพื่อช่วยปกป้องผิวหนังจากโรคมะเร็งและริ้วรอยก่อนวัย รวมถึงช่วยรักษาวัสดุภายในรถไม่ให้ซีดจางและแตกร้าว นอกจากนี้ ฟิล์มควรมีประสิทธิภาพในการลดความร้อนจากรังสีอินฟราเรด (IR) ได้ดี เพื่อช่วยให้ห้องโดยสารเย็นสบายขึ้นและยังช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง

วิธีดูแลรักษาฟิล์มรถยนต์ให้ใช้งานได้นานขึ้น

วิธีดูแลรักษาฟิล์มรถยนต์ให้ใช้งานได้นานขึ้น

  • หลังติดตั้งไม่ควรเลื่อนกระจกขึ้น-ลงภายใน 7-14 วัน เพื่อให้กาวฟิล์มเซตตัวเต็มที่
  • หลีกเลี่ยงการใช้ระบบละลายฝ้าที่กระจกหลังในช่วงแรกหลังติดตั้ง
  • ทำความสะอาดฟิล์มด้วยน้ำเปล่าหรือสบู่อ่อนๆ หลีกเลี่ยงน้ำยาที่มีสารกัดกร่อน เช่น แอมโมเนียหรือแอลกอฮอล์
  • ใช้ผ้านุ่มหรือฟองน้ำที่ไม่ขูดขีดฟิล์ม แทนการใช้ของแข็งหรือหยาบ
  • ควรจอดรถในที่ร่ม หลีกเลี่ยงแดดจัดหรือความร้อนสูงที่อาจทำลายฟิล์ม
  • ทำความสะอาดฟิล์มเป็นประจำ และไม่ปล่อยคราบสกปรกสะสมที่อาจฝังลึก

ติดฟิล์มรถยนต์ กับ SPMS-EST ดีกว่าอย่างไร

การเลือกฟิล์มรถยนต์ นอกจากต้องเลือกแบรนด์ที่มีคุณภาพ กับร้านที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก 3M แล้ว ควรพิจารณาถึงกฎหมายการติดฟิล์มรถยนต์ร่วมด้วย เพื่อให้ได้ฟิล์มรถยนต์ที่มีคุณภาพตอบโจทย์การใช้งาน และถูกกฎหมาย อย่างฟิล์มจาก 3M ที่มีความเข้มแต่ยังสามารถมองเห็นได้สะดวก สบายตา ลดแสงสะท้อนรบกวนรถคันอื่น สามารถกันรังสี UV ช่วยให้ห้องโดยสารเย็นสบายและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย

สำหรับใครที่กำลังมองหาฟิล์มคุณภาพดี เราขอแนะนำให้เลือกติดตั้งกับร้านตัวแทนจำหน่ายของ 3M ที่มีทุกที่ทั่วภูมิภาคในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เพื่อให้คุณได้ฟิล์มที่ตรงตามความต้องการและการใช้งานจริงมากที่สุด โดยคุณสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำและเลือกฟิล์มที่เหมาะที่สุด และเลือกได้อย่างมั่นใจ สามารถตรวจสอบ 3M ติดฟิล์ม สาขาใกล้บ้านได้ง่ายๆ จากเว็บไซต์หลักของ SPMS-EST.com

สรุป

กฎหมายการติดฟิล์มรถยนต์ของไทยตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ห้ามติดฟิล์มปรอทที่สะท้อนแสงสูงจนเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ถนน เพราะอาจบดบังทัศนวิสัยของผู้ขับขี่อื่น แต่ไม่ได้ห้ามติดฟิล์มสีดำเข้มหากไม่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงสูง หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท การเลือกฟิล์มควรเน้นที่ค่า VLT (Visible Light Transmittance) หรือค่าการส่องผ่านของแสงที่ไม่มืดจนเกินไป เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และเลือกฟิล์มที่สามารถป้องกันรังสียูวีและความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเลือกติดฟิล์มรถยนต์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากความเข้มและไม่สะท้อนแสงจนรบกวนผู้อื่นแล้ว การเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงและติดตั้งกับร้านที่ได้รับมาตรฐานจาก 3M ที่ SPMS-EST ช่วยให้คุณสามารถมั่นใจในคุณภาพของฟิล์มและการบริการจากช่างมืออาชีพ ด้วยคุณสมบัติของฟิล์ม 3M ทั้งช่วยลดความร้อนจากรังสี UV ป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมกับบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

กฎหมายติดฟิล์มรถยนต์ เป็นสิ่งที่คนรักรถไม่ควรมองข้าม เพื่อให้การขับขี่บนท้องถนนเป็นเรื่องง่าย ไม่ซับซ้อน มาดูคำถามที่น่าสนใจกัน!

กฎหมายการติดฟิล์มรถยนต์มีข้อกำหนดอะไรบ้าง?

กฎหมายได้กำหนดความเข้มของฟิล์มที่ติดรถยนต์ เพื่อไม่ให้กระทบต่อทัศนวิสัยในการขับขี่บนท้องถนน เช่น ไม่ควรสะท้อนแสงมากเกินไป ฟิล์มไม่ควรมืดเกินไปในบางจุด

ฟิล์มกรองแสงมีประเภทอะไรบ้าง?

ประเภทของฟิล์มกรองแสง ได้แก่ ฟิล์มย้อมสี ฟิล์มเคลือบโลหะ ฟิล์มคาร์บอน ฟิล์มเซรามิก ฟิล์มนิรภัย และฟิล์มมัลติเลเยอร์ 

การติดฟิล์มกรองแสงต้องทำตามกฎหมายไหม?

ในการติดฟิล์มกรองแสงต้องทำตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการขับขี่ และไม่ผิดกฎระเบียบที่อาจทำให้เสียค่าปรับ

แชร์บทความนี้