สีฟิล์มรถยนต์มีอะไรบ้าง? ควรเลือกสีฟิล์มอย่างไรให้เหมาะสมกับรถ

สีฟิล์มรถยนต์มีอะไรบ้าง? ควรเลือกสีฟิล์มอย่างไรให้เหมาะสมกับรถ
คนรักรถควรรู้
  • สีฟิล์มรถยนต์ถูกแบ่งเป็นเฉดสีคือ สีฟ้า สีเขียว สีบรอนซ์( สีชา) สีเทา และสีดำ
  • สีฟิล์มรถยนต์ที่ต่างกัน เกิดจากการฉาบเพื่อย้อมสี การฝังสีด้วยไอร้อน การเคลือบสารด้วยไอร้อน และการผนึกอนุภาคนาโน
  • วิธีเลือกสีฟิล์มรถยนต์ให้เหมาะกับความต้องการ หากอยากให้รถดูหรูหราควรเลือกสีชาหรือสีเทา หากอยากให้รถดูสดใสขึ้นควรเลือกสีฟ้าหรือสีเขียว หากอยากให้รถดูเข้ม ดุดันควรเลือกสีดำหรือสีเทา
  • ฟิล์มกรองแสง 3M มีให้เลือก 3 เฉดสี คือสีชาที่เพิ่มความเรียบหรู สีเทาฟ้าช่วยลดแสงจ้า เข้มนอก สว่างใน และสีดำที่มีค่าสะท้อนแสงต่ำ ลดแสงจ้า มองเห็นชัดเจนจากภายใน ขับขี่สบายตา 

สีฟิล์มรถยนต์ที่เห็นกันทั่วไปมีหลายสี ซึ่งสีที่ต่างกันก็มาจากกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน บทความนี้จึงอยากมาแนะนำว่า สีฟิล์มรถยนต์โดยปกติแล้วมีสีอะไรบ้าง พร้อมกับวิธีการเลือกสีฟิล์มรถยนต์ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน และความต้องการที่สุด

สีฟิล์มรถยนต์ มีกี่สี?

สีฟิล์มรถยนต์ มีกี่สี?

สีฟิล์มรถยนต์ถูกแบ่งออกตามเฉดสีที่หลากหลาย เพื่อความสวยงามเมื่อติดกับตัวกระจกรถ รวมถึงความเข้มของฟิล์มที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปสามารถแบ่งเป็นเฉดสี ดังนี้

  • ฟิล์มรถยนต์เฉดสีฟ้า เป็นสีที่ทำให้ดูโปร่ง สบายตา มีความสดใส
  • ฟิล์มรถยนต์เฉดสีเขียว ทำให้รถดูมีสีสัน เพิ่มความสวยงาม ไม่เหมือนใคร
  • ฟิล์มรถยนต์เฉดสีบรอนซ์ (สีชา) ทำให้มีความโดดเด่นขึ้น ดูหรูหรา
  • ฟิล์มรถยนต์เฉดสีเทา (สีควันบุหรี่) ถือเป็นสีที่เข้มกลางๆ ที่ช่วยลดแสงจ้าจากดวงอาทิตย์ หรือแสงสว่างอื่นๆ พร้อมให้ความเป็นส่วนตัว
  • ฟิล์มรถยนต์เฉดสีดำ (สีชาโคล) ทำให้ไม่มีแสงสะท้อน ป้องกันการมองเข้ามาภายในรถได้
สีฟิล์มรถยนต์ที่ต่างกัน ทำให้คุณสมบัติต่างกันไหม?

สีฟิล์มรถยนต์ที่ต่างกัน เกิดจากอะไร?

สาเหตุหลักที่ทำให้สีฟิล์มรถยนต์มีความต่างกันได้นั้น เกิดจากกระบวนการผลิต โดยมักเกิดมาจาก 4 สาเหตุ ดังนี้

1. การฉาบเพื่อย้อมสีฟิล์มรถยนต์

วิธีนี้คือการผสมเม็ดสีที่ต้องการเข้ากันกับเนื้อกาว จากนั้นจึงทำการฉาบสีลงไปบนฟิล์มรถยนต์ แต่วิธีนี้ทำให้สีของฟิล์มไม่ทนทาน อายุการใช้งานไม่นาน รวมถึงยังไม่ช่วยกันความร้อนอีกด้วย

2. การฝังสีด้วยไอร้อนเพื่อย้อมสีฟิล์มรถยนต์

การฝังสีด้วยไอร้อนเป็นการย้อมสีฟิล์มรถยนต์ที่คล้ายกันกับการฉาบสี แต่วิธีนี้เปลี่ยนเป็นการฝังสีเข้าไปในเนื้อฟิล์มเลย ทำให้สีติดแน่น และทนกว่า จึงมีคุณสมบัติในการป้องกันรังสี UV ได้ในระดับกลาง

3. การเคลือบสารด้วยไอร้อนเพื่อย้อมสีฟิล์มรถยนต์

การเคลือบสารด้วยไอร้อน คือการนำโลหะ หรืออโลหะมาทำให้เกิดการระเหิดขึ้นในห้องที่มีอุณหภูมิสูงเท่ากับจุดเดือดของสาร ซึ่งสารที่มักนำมาใช้เคลือบ ยกตัวอย่างเช่น ไทเทเนียม อะลูมิเนียม เงิน เป็นต้น เมื่อสารเปลี่ยนสถานะจากของแข็งกลายเป็นไอ ไอที่ได้ก็จะลอยไปติดที่ฟิล์มจนเคลือบสีที่เนื้อฟิล์ม

4. การผนึกอนุภาคนาโนเพื่อย้อมสีฟิล์มรถยนต์

การผนึกอนุภาคนาโนในสนามแม่เหล็กไฟฟ้า หรือการใช้วิธี Sputtering เป็นการยิงประจุอิเล็กตรอนไปชนกับอนุภาคของสารกันความร้อนในสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ให้แตกตัวในระดับนาโน แล้วลอยไปตามแรงผลักของกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีแรงดันสูง จนผนึกอนุภาคนาโนเข้าไปฝังในเนื้อฟิล์ม เกิดเป็นสีฟิล์มรถยนต์ได้

สีฟิล์มรถยนต์ที่ต่างกัน ทำให้คุณสมบัติต่างกันไหม?

สีฟิล์มที่ต่างกันไม่ได้ทำให้ฟิล์มรถยนต์มีคุณสมบัติต่างกัน เพราะไม่สามารถบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของฟิล์มได้ โดยคุณสมบัติของฟิล์มรถยนต์จะมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ค่าป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ (Total Solar Energy Rejection หรือ TSER) 
  • ค่าแสงส่องผ่าน (Visible Light Transmission หรือ VLT) 
  • ค่าการลดรังสี UV (UV Rays Rejection หรือ UVR) 
  • ค่าการลดรังสี IR (Infrared Rejection หรือ IRR)   
  • ค่าการสะท้อนแสง (Visible Light Reflection หรือ VLR) 
วิธีเลือกสีฟิล์มรถยนต์ให้เหมาะสมกับความต้องการ

วิธีเลือกสีฟิล์มรถยนต์ให้เหมาะสมกับความต้องการ

เมื่อรู้แล้วว่าสีฟิล์มรถยนต์ไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพ หรือส่งผลต่อคุณสมบัติของฟิล์ม แต่ก็ยังมีวิธีการเลือกสีฟิล์ม เพื่อให้เหมาะสมกับความชอบ และการใช้งานได้ ดังนี้

อยากให้รถยนต์ดูหรูหรา ทัศนวิสัยชัด

สีฟิล์มรถยนต์ที่มาในเฉดสีเทา สีบรอนซ์ สีชา จะเป็นสีที่ทำให้รถยนต์ดูดี มีภูมิฐาน มีความหรูหรามากขึ้นได้ ด้วยสีนี้จะทำให้รูปลักษณ์ของรถดูสุขุม ยิ่งกับรถคันใหญ่ หากติดแล้วจะทำให้ดูไม่ดุดันจนเกินไป นอกจากนี้ ยังทำให้มองออกไปด้านนอกได้ดี ทำให้ทัศนวิสัยชัดเจน แม้จะขับรถในตอนกลางคืนก็ตาม

อยากให้รถยนต์สดใสมากขึ้น เพิ่มความสวยงาม

ฟิล์มรถยนต์เฉดสีฟ้าใส หรือสีเขียว จะเพิ่มความสดใสให้รถมากขึ้น เหมาะกับรถแต่งซิ่ง ทำให้รถยนต์ดูมีชีวิตชีวา แต่เมื่อใช้งานรถที่ติดฟิล์มสีฟ้า หรือสีเขียวไปสักพัก อาจทำให้ตาแยกสีผิดเพี้ยนชั่วคราวได้

อยากให้รถยนต์ดูเข้มและดุดัน มีความเป็นส่วนตัว

สำหรับใครที่มีรถขนาดใหญ่แล้วยังรู้สึกว่าดุดันไม่พอ การติดสีฟิล์มรถยนต์เฉดสีดำ หรือสีชาโคลคงตอบโจทย์ได้ เพราะจะช่วยเพิ่มความน่าเกรงขาม ความเท่ ความเนี้ยบให้กับรถมากยิ่งขึ้น หรือใครที่ชอบให้รถมีความส่วนตัว ฟิล์มสีดำก็จะช่วยกันการมองเข้ามาภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี รวมถึงฟิล์มจะมีค่าการสะท้อนแสงน้อย เมื่อมองไปด้านนอกขณะขับรถจึงมองเห็นภาพได้คมชัด แต่สีฟิล์มที่เข้มเกินไปก็อาจทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ตอนกลางคืนลดลงได้ 

สีฟิล์มรถยนต์ของ 3M

สีฟิล์มติดรถยนต์ 3M มีทั้งหมด 3 สี ให้เลือก ดังนี้

  1. เฉดสีชา สีชาเข้มเรียบหรู คงความมีระดับ ทำให้รถดูดี มีสไตส์ และช่วยลดแจ้งจ้าได้ แต่ยังคงให้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาได้ จึงทำให้ห้องโดยสารสว่างมองเห็นได้ดี
  2. เฉดสีเทาฟ้า ซึ่งเป็นเฉดสีที่ทำให้รู้สึกเย็นเพราะช่วยลดแสงจ้าได้ ทำให้ขับรถแล้วมองเห็นได้ดีขึ้น เข้มนอก สว่างใน เคลียร์ ใส ชัดทุกช่วงเวลา 
  3. เฉดสีดำที่มีความเข้ม ที่ติดแล้วทำให้รถดูทันสมัย มีค่าสะท้อนแสงต่ำ ลดแสงจ้าได้ จึงช่วยให้ขับขี่ได้แบบสบายตา ดุดันจากภายนอก ชัดเจนจากภายใน 

สรุป

สีฟิล์มรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีเฉดสีฟ้า เขียว บรอนซ์ เทา และดำ โดยสีที่ต่างกันนั้นเกิดจากกระบวนการผลิตที่ต่างกัน คือ การฉาบ การฝังสีด้วยไอร้อน การเคลือบสารด้วยไอร้อน และการผนึกอนุภาคนาโน ถึงแม้จะมีสีฟิล์มที่ต่างกันหลายสี แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณสมบัติของฟิล์มแตกต่างกันเลย ซึ่งผู้ใช้รถสามารถเลือกสีฟิล์มรถยนต์ได้ด้วยการพิจารณาในด้านการใช้งาน และความสวยงาม หากต้องการติดฟิล์มที่คุณภาพดี สีของฟิล์มคงทน แนะนำให้เลือกใช้บริการติดตั้งกับ SPMS-EST ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสง3Mรายเดียวในประเทศไทย มีตัวแทนจำหน่ายฟิล์มกรองแสง3M กว่า 400 ร้านค้าทั่วประเทศ และมีฟิล์มกรองแสง 3M หลากหลายรุ่น รองรับทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมการติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ และยังได้การรับประกันยาวนานถึง 7 ปี

แชร์บทความนี้