เข้าสู่ฤดูฝน ติดฟิล์มรถยนต์แบบไหนดี? ให้สะดวกต่อการขับขี่มากที่สุด  

เข้าสู่ฤดูฝน ติดฟิล์มรถยนต์แบบไหนดี? ให้สะดวกต่อการขับขี่มากที่สุด
คนรักรถควรรู้!
  • ในช่วงฤดูฝน ต้องตรวจเช็กระบบของรถยนต์ให้ครอบคลุมเป็นพิเศษ ซึ่งควรตรวจเช็กระบบต่างๆ ของรถยนต์ตั้งแต่ใบปัดน้ำฝน ระบบสัญญาณไฟ ระบบไล่ฝ้า เส้นไล่ฝ้า ยางรถยนต์ และฟิล์มรถยนต์
  • ประโยชน์ของการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ เช่น ช่วยปกป้องรถจากรังสีต่างๆ ช่วยลดแสงสะท้อน ช่วยยืดอายุวัสดุภายในรถ ช่วยให้อุณหภูมิรถไม่ร้อนจนเกินไป และช่วยให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นขณะอยู่ในรถ
  • ควรเลือกฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิค เพราะใช้ได้ดีในทุกฤดูกาล แม้จะเจอกับฝนที่เทกระหน่ำ ก็สามารถเซ็ตตัวได้ดีกว่าฟิล์มประเภทอื่นๆ แถมยังช่วยปกป้องรถยนต์จากรังสี UV หรือรังสีอินฟราเรดด้วย
  • ฟิล์มเซรามิคช่วยป้องกันวัสดุภายในรถไม่ให้เสื่อมสภาพ และมีคุณสมบัติในเรื่องความเคลียร์ชัด ไม่ว่าฟิล์มจะมีระดับความเข้มมากแค่ไหนก็ตาม

เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน หลายๆ คนอาจคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องติดฟิล์มรถยนต์ เพราะในช่วงฤดูฝน แดดจะไม่แรงเท่าช่วงฤดูร้อน แม้สภาพแวดล้อมจะไม่ค่อยมีแดด แต่รังสี UV หรือรังสีอินฟราเรด ก็ยังคงอยู่ อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อรถยนต์ไม่ต่างจากเดิม ดังนั้น การติดฟิล์มรถยนต์ในฤดูฝนก็ยังคงจำเป็นอยู่เสมอ แล้วฟิล์มแบบไหนที่เหมาะกับการติดตั้งในช่วงหน้าฝน บทความนี้มีคำตอบ!

รวมสิ่งต้องเช็ก เมื่อเข้าสู่หน้าฝน

รวมสิ่งต้องเช็ก เมื่อเข้าสู่หน้าฝน

การตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอนั้นสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ที่ต้องตรวจเช็กให้ครอบคลุมเป็นพิเศษ ซึ่งควรตรวจเช็กระบบต่างๆ ของรถยนต์ ดังนี้

  1. ใบปัดน้ำฝน: ควรตรวจสอบให้ดีว่าที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพหรือไม่ โดยเฉพาะระบบน้ำฉีดกระจก เพราะหากเกิดขัดข้องระบบใดระบบหนึ่ง การขับรถในช่วงฝนตกคงลำบากไม่น้อยเลย
  2. ระบบสัญญาณไฟ: เมื่อฝนตก ทัศนวิสัยการมองเห็นถนน หรือมองเห็นรถคันอื่นๆ ก็ยากอยู่แล้ว จึงควรตรวจสอบระบบไฟให้ดี เช่น ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอก เป็นต้น 
  3. ระบบไล่ฝ้าและเส้นไล่ฝ้า: ควรตรวจเช็กว่ายังทำงานได้ดีอยู่หรือไม่ เพราะหากระบบขัดข้อง อาจทำให้ฝ้าบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ได้นั่นเอง
  4. ยางรถยนต์: ช่วงหน้าฝนอาจทำให้ถนนลื่นได้ จึงควรตรวจเช็กให้ดีว่าดอกยางเสื่อม หรือยางมีการสึกหรอต่ำกว่า 3 มิลลิเมตรหรือไม่ ทั้งนี้ ควรตรวจระบบเบรก และ ABS ด้วยเช่นกัน
  5. ฟิล์มรถยนต์: ในส่วนที่สำคัญที่สุด คือ การตรวจสอบฟิล์มติดรถยนต์ เพราะหากฟิล์มเริ่มเสื่อมสภาพ จนทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นแย่ลง อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
ประโยชน์ของการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์

ประโยชน์ของการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์

ปัจจุบันที่อุณหภูมิโลกเริ่มแปรปรวนขึ้นเรื่อยๆ ประเทศเมืองร้อนอย่างประเทศไทยจึงต้องรับมือกับฤดูร้อนที่แสนสาหัสอยู่พอสมควร การติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์จึงจำเป็นมาก เพราะแม้จะเป็นช่วงหน้าฝน ฟิล์มติดรถยนต์ก็ยังมีประโยชน์มากมาย อาจเรียกได้ว่า ไม่ได้มีดีแค่ช่วยปกป้องรถยนต์จากแสงแดดเท่านั้น แล้วจะมีประโยชน์อะไรอีกบ้าง ไปดูกัน!

ช่วยปกป้องจากรังสีต่างๆ

แม้จะอยู่ในช่วงฤดูฝน ไม่ได้มีแสงแดด ก็ยังคงมีรังสีต่างๆ อย่างรังสียูวี หรือรังสีอินฟราเรดอยู่ และรังสีเหล่านี้อันตรายมากกว่าที่คิด เพราะเป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็งผิวหนัง ดังนั้น การติดฟิล์มกรองแสงจึงไม่ได้แค่ช่วยปกป้องเราจากแสงแดดเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคร้ายแรงอีกด้วย

ช่วยลดแสงสะท้อน

หากมนุษย์ใช้แว่นกันแดดเพื่อปกป้องแสงแดดไม่ให้ทำร้ายดวงตา รถยนต์ก็จำเป็นต้องมีฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูง ไว้ป้องกันแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์เช่นกัน เพราะแสงแดดจ้าไม่ได้สร้างความรำคาญขณะขับรถเท่านั้น แต่ยังทำให้ทัศนวิสัยแย่ลงอีกด้วย ทั้งนี้ เมื่อแสงแดดส่องเข้าตามากๆ อาจทำให้เกิดอาการปวดหัวได้เช่นกัน  

ช่วยยืดอายุวัสดุภายในรถ

แสงแดดสามารถทำร้ายวัสดุภายในรถยนต์ได้ หากจอดรถไว้กลางแดดนานๆ หรือขับรถไปเจอแดดบ่อยๆ อาจทำให้วัสดุอุปกรณ์ภายในรถเสื่อมสภาพได้ โดยเฉพาะเบาะหนัง ที่อาจเปลี่ยนสีจนซีดได้ ดังนั้น จึงต้องติดฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพสูง และกันแดดได้จริง เช่น ฟิล์มติดรถยนต์ 3M เป็นต้น

ช่วยให้อุณหภูมิรถไม่ร้อนเกินไป

หากติดฟิล์มกรองแสง จะทำให้แสงแดดเข้ามาภายในรถได้น้อยลง อุณหภูมิภายในรถจึงเย็นขึ้นนั่นเอง และเมื่ออากาศภายในรถเย็นขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่ต่ำมากๆ ส่งผลให้สามารถประหยัดพลังงาน และยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศภายในรถให้นานขึ้นด้วย

ช่วยให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

เรื่องความเป็นส่วนตัวสำคัญต่อการใช้ชีวิตมาก เพราะอาชญากรรมอาจเกิดได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อขับรถไปในที่สาธารณะที่มีคนพลุกพล่าน เราอาจไม่อยากให้คนภายนอกมองเข้ามาภายในรถได้ เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สิน ดังนั้น การติดฟิล์มกรองแสงที่มีระดับความเข้มที่เหมาะสมจึงสำคัญ และช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้นอีกด้วย

เลือกติดฟิล์มรถยนต์แบบไหนดี ในช่วงหน้าฝน

เลือกติดฟิล์มรถยนต์แบบไหนดี ในช่วงหน้าฝน

คงจะได้คำตอบกันแล้วว่า ทำไมเราจึงควรติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ แม้จะอยู่ในช่วงหน้าฝนก็ตาม แล้วเราควรติดฟิล์มรถยนต์แบบไหนดี? เพราะฟิล์มรถยนต์มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มดำ ฟิล์มใส ฟิล์มปรอท หรือฟิล์มเซรามิค 

คำตอบคือ ควรเลือกฟิล์มกรองแสงประเภทเซรามิค เพราะคุณสมบัติที่สามารถใช้ได้ดีในทุกๆ ฤดูกาล แม้จะเจอกับฝน ก็สามารถเซ็ตตัวได้ดีกว่าฟิล์มประเภทอื่น อีกทั้งยังช่วยปกป้องรถยนต์ และผู้ขับขี่จากรังสีอันตรายอย่างรังสี UV หรือรังสีอินฟราเรดอีกด้วย นอกจากนี้ ฟิล์มประเภทเซรามิคยังช่วยป้องกันวัสดุภายในรถไม่ให้เสื่อมสภาพ ประกอบกับคุณสมบัติเยี่ยมในเรื่องความเคลียร์ชัด ไม่ว่าฟิล์มจะมีระดับความเข้มมากแค่ไหนก็ตาม จึงขอแนะนำฟิล์มคุณภาพจาก 3M ทั้ง 3 รุ่น ดังนี้

  • 3M Ceramic Ultra Clear ฟิล์มโทนสีเทาฟ้า ช่วยลดแสงจ้าได้ถึง 93% มาพร้อมกับความเข้ม แต่ก็ยังเคลียร์คัท มองเห็นได้ชัดเจนจากภายในรถ ฟิล์มมีเนื้อใส ไม่ขุ่น แถมยังไม่มีส่วนผสมของไอโลหะ ที่เป็นต้นเหตุในการรบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ภายในรถ สามารถตัดอินฟราเรดได้ 95% และตัดรังสี UV ได้สูงถึง 99% รับรองว่าคุณจะเย็นสบาย แถมยังไม่ต้องเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย 
  • 3M Ceramic S-edition มีอนุภาคนาโนเทคโนโลยี ให้สีทึบ เพิ่มความเป็นส่วนตัว ปกป้องภายในห้องโดยสารจากแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมองเห็นได้ชัดจากภายใน ไม่บดบังวิสัยทัศน์การขับขี่
  • 3M Ceramic Absolute Series ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติต่างๆ ให้คุณได้ปลอดภัยในทุกฤดูกาล โดยเป็นฟิล์มโทนสีเข้ม ที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์เกรดพรีเมียม ผสานอนุภาคนาโนเซรามิกแท้ ช่วยป้องกันไม่ให้คนภายนอกมองเข้ามา แต่ยังคงความเคลียร์ ใส ชัด สร้างทัศนวิสัยในการมองเห็นได้อย่างดีเยี่ยม และที่สำคัญ ยังช่วยป้องกันจากรังสี UV และรังสีอินฟราเรดได้ถึง 99% เลยทีเดียว แม้จะอยู่ในหน้าฝน คุณก็ปลอดภัยจากรังสีอย่างแน่นอน

การดูแลรถยนต์หลังติดฟิล์ม ในช่วงหน้าฝน

เราก็ได้ทราบกันไปแล้วว่า ในช่วงฤดูฝน ควรติดฟิล์มประเภทไหน และฟิล์มประเภทนั้นมีคุณสมบัติอย่างไรถึงทำให้สามารถติดในช่วงหน้าฝนได้ แต่ถ้ายังสงสัยว่ารถเพิ่งติดฟิล์มโดนฝนได้ไหม? เรามาดูวิธีการดูแลรถยนต์หลังติดฟิล์มเซรามิคกันดีกว่า เพื่อให้การติดตั้งฟิล์มสามารถสร้างประโยชน์ได้มากที่สุด

  • ในช่วง 7-14 วันหลังติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์แล้ว ห้ามทำการติดตั้งอุปกรณ์ที่มีน้ำหนัก หรือนำกระดาษหนังสือพิมพ์ ผ้าหยาบ ขนแปรง หรือวัสดุอื่นๆ มาเช็ดบริเวณที่มีการติดฟิล์ม เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหาย หรือเกิดรอยขีดข่วนได้
  • ห้ามเลื่อนกระจกที่มีการติดฟิล์มกรองแสงในช่วงระยะเวลา 7 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิล์มหลุดลอก แต่ถ้าเจอฝน ก็สามารถใช้ที่ปัดน้ำฝนได้เลย เพราะฟิล์มติดตั้งอยู่ภายในตัวรถ ไม่เกี่ยวกับด้านนอกของรถ
  • ควรนำรถจอดไว้ในที่ร่มประมาณ 3 วัน จากนั้นค่อยนำรถไปจอดตากแดด เพื่อให้ฟิล์มเซ็ดตัวได้ดีขึ้น
  • ช่วงฤดูฝน ควรรอให้ฟิล์มเซรามิคเกิดการเซ็ตตัวได้อย่างเต็มที่ 1 เดือนเป็นอย่างต่ำ แต่ถ้าผ่านไป 1 เดือนแล้วฟิล์มยังมีฟองอากาศอยู่ ให้นำรถเข้าไปตรวจสอบที่ศูนย์ได้เลย 

สรุป

ได้เห็นกันไปแล้วว่า การติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์นั้นสำคัญแค่ไหน เพราะไม่ว่าฤดูกาลไหน ฟิล์มกรองแสงก็สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้รถของคุณได้เสมอ ไม่ว่าจะช่วยป้องกันรังสีต่างๆ ช่วยลดแสงสะท้อน ยืดอายุวัสดุอุปกรณ์ให้มีการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของตัวผู้ขับขี่ และทรัพย์สินภายในรถ ทั้งยังทำให้ภายในรถไม่ร้อนจนเกินไป ส่งผลให้สามารถประหยัดพลังงานในการใช้งานรถมากขึ้นไปอีก จึงทำให้เห็นว่า การติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในช่วงฤดูฝนนั้นสำคัญไม่แพ้ติดในฤดูกาลอื่นๆ เลย 

อย่างไรก็ตาม ฟิล์มเซรามิคเป็นฟิล์มที่เหมาะสมกับการติดฟิล์มในช่วงหน้าฝนมากกว่าฟิล์มประเภทอื่นๆ หากคุณสนใจอยากติดฟิล์มเซรามิคคุณภาพ อย่างฟิล์ม 3M Ceramic Ultra Clear,3M Ceramic S-editon และ 3M Ceramic Absolute Series เพื่อปกป้องรถยนต์ในช่วงหน้าฝนนี้ ขอแนะนำ SPMS-EST ตัวแทนจำหน่ายฟิล์ม 3M ที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญ ผ่านการอบรมการติดฟิล์ม 3M โดยเฉพาะ อีกทั้งยังเป็นผู้จัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3M รายเดียวในประเทศไทย ที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วมากกว่า 23 ปี และมีตัวแทนผู้จัดจำหน่ายมากกว่า 400 ร้านค้าทั่วประเทศไทยเลยทีเดียว 

แชร์บทความนี้