เผยความลับ! 5 เหตุผลที่ทำไมเหล่านักขับ จึงเลือกติดฟิล์มเซรามิค 3M พร้อมเปรียบเทียบกันให้เห็นเลยว่าต่างจากฟิล์มแบบธรรมดาอย่างไร พร้อมแล้วคลิกเลย
‘แสงแดด’ นั้นอันตรายต่อร่างกายคน รวมทั้งรถยนต์ก็เช่นกัน และยิ่งเป็นประเทศไทยที่แดดส่องแรงตลอดทั้งปีแบบนี้ ก็ยิ่งเสี่ยงต่อสุขภาพ แต่จะดีกว่าไหม? ถ้าเราสามารถป้องกันทั้งคนและรถยนต์ของเราให้มีสุขภาพที่ดีได้ เพียงแค่ติด ‘ฟิล์มกรองแสงรถยนต์’
โดยทั่วไปแล้ว ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ประเภทด้วยกัน ตามวิธีการผลิตฟิล์มกรองแสง ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดความร้อนจากแสงแดดเป็นหลัก แต่ก็มีความแตกต่างค่อนข้างมากเช่นกัน ดังนี้
1. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบย้อมสี (Dyed Window Tint)
เป็นฟิล์มรถยนต์ที่ราคาถูกที่สุดและคุณภาพต่ำที่สุด สีของฟิล์มจะซีดและเพี้ยนค่อนข้างไว เมื่อเวลาผ่านไปนาน สีของแผ่นฟิล์มจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง ฟิล์มกรองแสงแบบย้อมสี จะป้องกันแสงแดดแต่ไม่กันความร้อนและรังสี UV นั้นคือช่วยลดแสงแดดแรงๆได้เท่านั้น ราคาติดตั้งต่อคันประมาณ 1,000-3,000 บาท
2. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ผสมไอโลหะ (Metallized Window Tint)
ฟิล์มรถยนต์ผสมไอโลหะ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า ‘ฟิล์มปรอท’ ซึ่งจะสามารถกันความร้อนได้ดีมากพอสมควร ผิวฟิล์มจะมีความมันเงา ซึ่งจะมีความเงามากหรือเงาน้อยขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต และมีราคาที่ไม่แพงมาก รถยนต์ที่ฟิล์มปรอทจะให้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก ถือว่าเป็นฟิล์มกรองแสงที่เคยได้รับความนิยมสูงสุด แต่ในปัจจุบันมีฟิล์มกรองแสงสมัยใหม่เข้ามาทดแทน ทำให้ฟิล์มปรอทได้รับความนิยมน้อยลง
3. ฟิล์มรถยนต์แบบเคลือบอนุภาคโลหะ (Sputtering Window Tint )
กระบวนการผลิตของฟิล์มรถยนต์แบบเคลือบอนุภาคโลหะจะคล้ายกับฟิล์มกรองแสงแบบผสมไอโลหะ แต่อนุภาคโลหะของตัวเนื้อฟิล์มจะมีความเงาน้อยกว่า ผลที่ได้คือฟิล์มจะใสและมีคุณภาพการกันความร้อนได้ดีกว่าฟิล์มปรอท และราคาสูงกว่าเช่นเดียวกันด้วย
4. ฟิล์มรถยนต์แบบนาโน( Nano IR Window Films )
เป็นเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ โดยใช้อนุภาคนาโน เช่น อนุภาคเซรามิค ฝังเข้าในเนื้อฟิล์มแทนการฉาบ ซึ่งจะสามารถป้องกันรังสีอินฟราเรดหรือรังสีความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความทนทานกว่าฟิล์มรถยนต์ทั่วๆไป และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 7 ปี แต่ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าฟิล์มชนิดอื่นๆ
ติดฟิล์มกรองแสงแบบธรรมดาเป็นอย่างไร ?
ฟิล์มกรองแสงแบบธรรมดา จะมีทั้งแบบผสมและไม่มีส่วนผสมของไอโลหะ หรือสารเคมีชนิดอื่น ๆ หรือเป็นแค่แผ่นฟิล์มพลาสติกโพลีเอสเตอร์ (Polyester) จากนั้นจะนำมาย้อมสีให้เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการความสว่างในการขับขี่ แต่ต้องแลกมากับอุณหภูมิที่สูงภายในห้องโดยสารโดยเฉพาะช่วงเวลากลางวัน อายุการใช้งานค่อนข้างสั้น (ประมาณ 3-4 ปี) อย่างไรก็ตาม ฟิล์มกรองแสงแบบธรรมดานั้นก็มีราคาที่ย่อมเยา เมื่อเปรียบเทียบกับฟิล์มเซรามิค
ติดฟิล์มเซรามิครถยนต์ 3M เป็นอย่างไร ?
- ฟิล์มกรองแสงเซรามิค 3M ให้วิสัยทัศน์ชัดเจน ภาพคมชัด ด้วยเซรามิคโมเลกุลระดับนาโน ทำให้เนื้อฟิล์มใส ไม่ขุ่น ไม่เงา ไม่ทึบ เข้มจากภายนอกแต่มองชัดจากภายใน
- ฟิล์มไม่ผสมไอโลหะ ไม่รบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ เช่น WIFI, Bluetooth, RFID, Radio และ Mobile Phone ทำให้เคลียร์ชัดทุกสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์
- ตัดรังสี UV ได้ถึง 99% สะท้อนรังสี UV ที่อาจจะทำร้ายผิวให้ปลอดภัยจากมะเร็งผิวหนัง ฝ้า กระ ความเหี่ยวย่น อีกทั้งยังปกป้องอุปกรณ์ในรถยนต์ไม่ให้ชีดจาง
- ตัดรังสีอินฟราเรดได้สูงสุดถึง 95% ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกสบายภายในห้องโดยสาร
- ฟิล์มมีความเข้มหลายระดับ ช่วยลดแสงแดดที่รุนแรงและแสงแดดสะท้อนเข้ามา ช่วยให้ผู้ขับขี่เกิดความสบายตา
** ทั้งนี้ อาจมีผลกระทบกับอุปกรณ์ที่ใช้ระบบสัญญาณอินฟราเรดที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 900 – 1,100 นาโนเมตร
นอกจากนี้ ฟิล์มกรองแสงเซรามิค 3M ยังมีข้อดีมากกว่าฟิล์มกรองแสงแบบธรรมดา ซึ่งวันนี้เราจะพามาดูความลับทั้ง 5 ข้อว่าทำไมเหล่านักขับ จึงเลือกติดฟิล์มเซรามิค 3M ไปดูกัน!
- ป้องกันรังสี Ultraviolet (UV) ได้ดีกว่า
ฟิล์มกรองแสงเซรามิค มีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่าฟิล์มรุ่นธรรมดา คือ ช่วยลดรังสี UVA และ UVB ได้มากถึง 99% โดยรังสีนี้เองเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของมะเร็งผิวหนัง และผิวหนังไหม้ อีกทั้งจะช่วยกระตุ้นให้รถยนต์มีสีซีดจางได้เร็ว หากไม่มีการป้องกันอย่างถูกวิธี เพียงเลือกติดฟิล์มกรองแสงเซรามิค ก็จะช่วยให้คุณและรถยนต์อันเป็นที่รักถอยห่างจากโรคร้ายสภาพดังกล่าว
ฟิล์มที่ขึ้นชื่อเรื่อง ‘การป้องกันรังสี Ultraviolet’ คือ 3M Ceramic Ultra Clear Series โดยฟิล์มรุ่นนี้ถือเป็น 1 ในตัว Top ของฟิล์มกรองแสงเซรามิค เพราะตอบโจทย์การใช้ชีวิตเหมาะกับคนที่จำเป็นต้องจอดรถกลางแจ้งเป็นเวลานาน
- ป้องกันรังสี Infrared ได้ดีกว่า
นอกจากรังสี UV ที่หลายคนกลัวแล้ว รังสี Infrared ก็เป็นอีกหนึ่งประเภทที่อันตรายไม่แพ้กัน โดยรังสี Infrared นี้ มาจากแสงแดด ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่จะให้ความรู้สึกร้อน ดังนั้นเราอาจจะได้รับรังสีนี้ได้อย่างไม่รู้ตัว แต่ถ้าเราสามารถป้องกันรังสีนี้ได้ เพียงแค่ติดฟิล์มกรองแสงเซรามิค จะดีกว่าไหม?
ฟิล์มที่ขึ้นชื่อเรื่อง ‘การป้องกันรังสี Infrared’ คือ 3M Ceramic R-Edition Series ซึ่งนอกจากป้องกันรังสีดังกล่าวแล้ว ฟิล์มรุ่นนี้ยังปกป้องรังสี UV ได้ด้วยเช่นกันนะ
- ลดความร้อนสะสมได้ดีกว่า
ฟิล์มกรองแสงเซรามิค ถูกเคลือบด้วยอนุภาคนาโนโซรามิคคุณภาพสูงที่นอกจากจะป้องกันรังสี UV และ Infrared แล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่มาพร้อมกับแสงแดด คงหนีไม่พ้น ‘ความร้อน’ และยิ่งการจอดรถกลางแดดในช่วงเวลากลางวันด้วย ก็ยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ แต่ฟิล์มกรองแสงเซรามิคนี้ จะช่วยลดความร้อนสะสมภายในห้องโดยสารได้อย่างเห็นได้ชัด และทำให้การเดินทางทุกครั้งเต็มไปด้วยความสบาย
ฟิล์มที่ขึ้นชื่อเรื่อง ‘การลดความร้อนสะสม’ คือ 3M Ceramic S-Edition Series โดยรุ่นนี้ยังได้รับการรับรองจากสถาบันมะเร็งผิวหนังประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วยนะ
- ให้ความเป็นส่วนตัวกว่า
ฟิล์มกรองแสงเซรามิค ถูกพัฒนามาจากนาโนเทคโนโลยี ‘แบล็ค คาร์บอน’ ผ่านเทคนิคพิเศษในการฝังลงโมเลกุลเม็ดสีดำเรียงตัวกันเป็นระเบียบในเนื้อโพลีเอสเตอร์ ซึ่งจะทำให้สีของแผ่นฟิล์มมืดสนิท และเข้มตลอดเวลา หากมองจากภายนอก แต่ก็ยังคงสว่างและเห็นได้อย่างชัดเจน หากมองจากภายใน ซึ่งรับรองว่าตอบโจทย์ผู้ที่มองหาความเป็นส่วนตัวภายในห้องโดยสาร
ฟิล์มที่ขึ้นชื่อเรื่อง ‘ความเป็นส่วนตัว’ คือ 3M Ceramic Absolute เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัว
- คุ้มค่ามากกว่า
ฟิล์มกรองแสงเซรามิค มีหลากหลายราคาให้เลือก ทนทานไม่เกิดสนิม เพราะฟิล์มเซรามิค ไม่มีส่วนผสมของโลหะแต่อย่างใด จึงทำให้ไม่เกิดปฏิกิริยาสนิม ซึ่งจะช่วยทำให้อายุการใช้งานนั้นยาวนานกว่าแบบธรรมดา อีกทั้งเนื้อฟิล์มมีความแข็งแรง เหนียว และคุณภาพสูง จึงทำให้ฟิล์มเซรามิคมีความทนทาน และคุ้มค่ามากกว่าในแง่ของการใช้งาน โดยสามารถใช้ได้นานสูงสุด 7 ปีเลยทีเดียว
ฟิล์มที่ขึ้นชื่อเรื่อง ‘ความคุ้มค่า’ คือ 3M CM PLUS อีกทั้งรุ่นนี้ยังได้รับขนานนามว่าเป็นรุ่นที่ให้ทัศนะวิสัยที่ชัดเจนมากที่สุดรุ่นหนึ่งของฟิล์มกรองแสงเลยทีเดียว
สุดท้าย ‘รถยนต์’ ถือเป็นยานพาหนะที่ไปกับเราทุกการเดินทาง บางคนใช้รถเพื่อการสัญจร หรือบางคนใช้รถเพื่อการสร้างรายได้ ดังนั้นการดูแลรถยนต์ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก ซึ่ง ‘การติดฟิล์มรถยนต์ที่คุณภาพดี’ จะเอื้อให้รถยนต์ของคุณยังคงเป็นยานพาหนะคู่ใจของคุณได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ถ้าจะให้แนะนำ เราคงแนะนำเป็นการลงทุนครั้งเดียว แต่ระยะยาวอย่าง ‘ฟิล์มเซรามิค’ เพราะจากการเปรียบเทียบด้านบน ก็คงเห็นแล้วว่าฟิล์มเซรามิคนั้น ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตในประเทศไทยมากกว่า แต่ก็ต้องระวังด้วยนะ เพราะปัจจุบันฟิล์มเซรามิคตามท้องตลาดนั้นมีทั้งที่เป็นของแท้ และของปลอมเต็มไปหมด
แต่จะดูอย่างไรว่า ร้านไหนบ้างที่มี #RealCeramic เพราะแน่นอนว่าเมื่อของดี ก็ต้องมีคนทำตามหรือเลียนแบบ และถ้าใช้ไป คุณภาพก็ไม่ได้ดีเท่ากับของแท้ แถมอาจจะสร้างความเสียให้กับสภาพรถยนต์อีกด้วย ทั้ง ๆ ที่การติดฟิล์มจะช่วยป้องกันรถยนต์ แต่กลับเป็นการทำร้ายรถยนต์แทน
คำตอบง่าย ๆ ก็คือ ‘เลือกร้านที่น่าไว้วางใจ’ แต่ถ้าไม่รู้ว่าร้านไหนน่าไว้ใจบ้าง ก็เลือกเลยร้านตัวแทนจำหน่ายจาก 3M ดูสิ รับรองว่าของแท้แน่นอน เพราะ #เซรามิคแท้ต้อง3M